สำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ลงพื้นที่สังเกตการณ์การรับนักเรียนปีการศึกษา 2562 เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเรียกรับเงิน “แป๊ะเจี๊ยะ” ของโรงเรียนทั่วประเทศ

พฤหัส ๒๑ มีนาคม ๒๐๑๙ ๑๖:๔๕
นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เสนอมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ต่อคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) มีมติให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปรับนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี ดังนั้น สพฐ. จึงยกเลิกนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 และให้ใช้ประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2562 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 แทน โดยมีประเด็นสำคัญ อาทิ

1. กรณีการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ 7 ข้อ ได้มีการพิจารณายกเลิกหลักเกณฑ์ 3 ข้อ ให้คงเหลือไว้ 4 ข้อ คือ (1) นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้บริจาคที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อจัดตั้งโรงเรียน ซึ่งมีเงื่อนไขและข้อตกลงร่วมกันมาก่อนมติคณะรัฐมนตรี ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 (2) นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส (3) นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติหรือผู้ประสบภัยพิบัติที่ต้องได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ และ (4) นักเรียนที่เป็นบุตรข้าราชการครูและบุคลากรของโรงเรียน สำหรับเงื่อนไขพิเศษที่ได้มีการยกเลิกไป คือ (1) นักเรียนที่ได้คะแนนสอบเท่ากันในลำดับสุดท้าย (2) นักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจหรือโรงเรียนคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย และ (3) นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง

2. การรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีการแข่งขันสูง ให้รับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการร้อยละ 60 และรับนักเรียนทั่วไปด้วยวิธีการสอบคัดเลือกร้อยละ 40 และต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ รวมกับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษของแผนการรับนักเรียน โดยประกาศหลักเกณฑ์ก่อนการพิจารณาและประกาศรายชื่อนักเรียนที่ได้รับการพิจารณาตามเงื่อนไขพิเศษให้สาธารณชนทราบ

3. การกำหนดนิยาม คุณสมบัติ และหลักเกณฑ์การเป็นนักเรียนในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนให้ มีความชัดเจนและเข้มงวดขึ้น โดยนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ หมายถึง นักเรียนที่มีชื่อในทะเบียนบ้านที่อยู่ใน เขตพื้นที่บริการของโรงเรียน อย่างน้อย 2 ปี นับถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 และต้องอาศัยอยู่จริงกับบิดา มารดา หรือผู้ปกครองตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 ที่เป็นเจ้าบ้านหรือเจ้าของบ้าน โดยให้เจ้าบ้านหรือเจ้าของบ้านรับรองการอาศัยอยู่จริง เพื่อให้ได้นักเรียนที่เป็นผู้มีภูมิลำเนาและอาศัยอยู่ในพื้นที่จริง มิใช่เพียงแต่ชื่อปรากฏในทะเบียนบ้าน แต่มิได้อาศัยอยู่ในทะเบียนบ้านดังกล่าวจริง

4. ให้ทุกสถานศึกษาประกาศผลการสอบโดยเรียงตามลำดับคะแนนสอบของผู้เข้าสอบแข่งขันได้ทุกคนโดยเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อสาธารณะ ทั้งนี้ ในกรณีที่สถานศึกษามีการรับนักเรียนเพิ่มเติมไม่ว่าในกรณีใดให้ดำเนินการเรียกรับนักเรียนตามประกาศผลการสอบที่ได้เรียงรายชื่อตามลำดับคะแนนที่สอบแข่งขันได้

5. ให้โรงเรียนแจ้งค่าใช้จ่ายและรายละเอียดการเก็บเงินบำรุงการศึกษาไว้ในประกาศการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อของแต่ละโรงเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองได้รับทราบไว้โดยชัดเจน

6. ห้ามมิให้โรงเรียนดำเนินการเอื้อประโยชน์โดยให้สิทธิพิเศษหรือโควตาแก่สมาคมผู้ปกครองและครู สมาคมศิษย์เก่า หรือสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับด้านการศึกษาของแต่ละโรงเรียน ในลักษณะที่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในการฝากเด็กเข้าเรียนหรือในลักษณะการมีผลประโยชน์ต่างตอบแทน

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด ทุกจังหวัด ลงพื้นที่สุ่มติดตามและสังเกตการณ์การรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง ร่วมกับ สพฐ. และกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมทั้งรายงานผลการติดตามและสังเกตการณ์ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงใกล้กำหนดระยะเวลาการรับสมัครนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ระหว่างวันที่ 22 – 27 มีนาคม 2562

การลงพื้นที่สุ่มติดตามและสังเกตการณ์การรับนักเรียนของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นประจำทุกปี จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเรียกรับเงิน "แป๊ะเจี๊ยะ" ของโรงเรียนทั่วประเทศ และลดปัญหาการทุจริตในระบบการศึกษา เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๔๗ เอ. เจ. พลาสท์ คว้า 2 รางวัลใหญ่ จาก SET Awards 2024 และได้รับการประเมิน CGR ดีเลิศ ระดับ 5 ดาว
๑๖:๑๓ เปิดมาตรการ พักหนี้ ลดดอกเบี้ย ช่วยเหลือ SMEs ถูกน้ำท่วมในงาน มันนี่ เอ็กซ์โป 2024 เชียงใหม่
๑๖:๓๙ หน้าหนาวมาเยือน! กรมอนามัยเตือนดูแลสุขภาพให้พร้อม เด็กเล็ก-ผู้สูงอายุเสี่ยงเจ็บป่วยง่าย
๑๖:๕๗ เปิดรันเวย์อวดผลงานไอเดียสร้างสรรค์ของ 5 ผู้ชนะรางวัลทุนการศึกษา จากโครงการ Jaspal Group Scholarship Program
๑๖:๐๘ กิฟฟารีน แนะนำไอเทมเด็ด กิฟฟารีน เอช เอ็ม บี พลัส วิตามินดี 3 สำหรับช่วยดูแลมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
๑๕:๐๑ ไขข้อสงสัย สินเชื่อรถแลกเงินคืออะไร
๑๕:๓๘ ซื้อมอเตอร์ไซค์ ออกรถใหม่ มีขั้นตอนอย่างไร ต้องเตรียมอะไรบ้าง
๑๕:๐๕ ยางขอบ 17 ยี่ห้อไหนดีที่ขับขี่สนุก และยังคงนุ่มสบาย
๑๔:๕๖ heygoody คว้าแชมป์จากเวที Thailand Influencer Awards 2024 ตอกย้ำความเข้าใจลูกค้า Introvert
๑๔:๐๓ เมืองไทยประกันชีวิต คว้า 4 รางวัลใหญ่ระดับสากล ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และเป็นองค์กรสถานประกอบการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการ