นายเฉลิม โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์น เปิดเผยว่ากลุ่มบริษัทร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง บริษัท ไทยอีสเทิร์นกรุ๊ปโฮลดิ้งส์จำกัดและบริษัท ไทยอีสเทิร์นอินดัสเตรียลแลนด์ จำกัด กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ การทำวิจัยด้านยางพาราและปาล์มน้ำมันเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ความร่วมมือครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อภาคเกษตรกรรมโดยรวม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยางพาราและปาล์มน้ำมัน ได้แก่
1. ด้านองค์ความรู้ เช่น การคิดค้นหลักสูตรเพื่อสร้างบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมเกษตรด้านยางพาราและปาล์มน้ำมัน รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรเพื่อพัฒนาผลผลิตต่อไป
2. ด้านงานวิจัย จะร่วมกันวิจัย คิดค้น สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งจะผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันระดับสากลในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทฯ " Your Global Partner for Sustainability" (พันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกที่ยั่งยืน)
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทเริ่มต้นจากครอบครัวเกษตรกร พัฒนาสู่อุตสาหกรรมเกษตรด้วยการก่อตั้งโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม เมื่อปี 2535 เพื่อรองรับผลผลิตที่จังหวัดชลบุรี และขยายสู่ธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตน้ำยางข้น ยางแท่ง ยางแท่งเกรดพิเศษ รวมถึงขยายพื้นที่เพาะปลูก ขยายสาขา ขยายกำลังการผลิต ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมี 5 ธุรกิจ ประกอบด้วย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน พลังงาน ขนส่ง และธุรกิจสำหรับร่วมทุน
โดยกลุ่มบริษัทเป็นโรงงานยางแท่งที่ใหญ่สุดในภาคตะวันออก และเป็นกลุ่มที่ผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) ใหญ่สุดในประเทศไทย มีโรงงานยางในภาคตะวันออก 3 โรง โรงงานปาล์ม 2 โรง ในภาคอีสาน 3 โรงงาน
นอกจากนี้ ยังดำเนินธุรกิจ logistic เพื่อสนับสนุนการขนส่ง สร้างความสะดวกให้กับเกษตรกรผู้ผลิต มีจุดรับซื้อวัตถุดิบทั้งภาคกลาง ตะวันออก อีสาน เหนือ ครบวงจร
สำหรับธุรกิจสายยางนั้น จะเน้นลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยม เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของลูกค้าในระดับ Global Brand เช่น กลุ่มผลิตยางล้อรถยนต์ บริดจ์สโตน /มิชลิน / Pirelli / Apollo / Continental / Sumitomo รวมถึงกลุ่มถุงมือยาง
ในส่วนสายปาล์มน้ำมัน กลุ่มบริษัทจัดส่งให้ผู้ผลิตทั้งผลิตที่เป็นกลุ่มน้ำมันปรุงอาหาร และกลุ่มผลิตน้ำมัน B100 ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระดับ Top 5 ของประเทศ เพราะเชื่อว่าเมื่อกลุ่มบริษัทส่งสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ลูกค้าจะพึงพอใจและจะเป็นคู่ค้ากันต่อไป ซึ่งจะทำให้เกิดพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกที่ที่ยั่งยืน นั่นหมายความว่า จะเป็นพันธมิตรที่ก้าวเข้าไปสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนร่วมกันต่อไปในอนาคต
นายเฉลิม กล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทมียอดขายรวมทั้งยางพาราและสายปาล์มน้ำมันกว่า 8,000 ล้านบาท โดยเฉพาะธุรกิจยางพารา ซึ่งได้ขยายกำลังการผลิตยางแท่งจากเดิมเพิ่มขึ้นมาอีก 30 % และในปีนี้มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นมาอีก 50% รวมไปถึงแผนในการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพในสายพลังงานอีกด้วย
การเติบโตของกลุ่มบริษัทแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์นอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งความยั่งยืนนั้นนอกจากจะเกิดจากการบริหารจัดการที่ครอบคลุม ทันสมัย และมีธรรมาภิบาลแล้ว
สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง คือการสร้างเสริมบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะการจัดการที่ตรงตามสายงาน ตอบสนองต่ออุตสาหกรรมการเกษตรโดยตรง รวมถึงการเดินหน้างานวิจัยและพัฒนา เพื่อความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของความร่วมมือในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือในครั้งนี้ ยังไม่สามารถประเมินค่าเป็นตัวเลขได้ แต่สามารถประเมินค่าความยั่งยืนที่จะเกิดขึ้นได้ และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าการลงทุนภายในเขตประกอบการเพิ่มขึ้นกว่า 2 หมื่นล้านบาท
นายเฉลิม กล่าวว่า "ประเทศไทยมีเศรษฐกิจรากฐานกว่า 70% เป็นอุตสาหกรรมเกษตร ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ส่งผลให้ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบด้านกายภาพ คือ ดินที่เอื้อต่อการผลิตสินค้าทางการเกษตรที่มีคุณภาพดีได้ แต่เรายังตามหลังนานาชาติในเรื่องของเทคโนโลยี ความรู้ การวิจัย รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ อยู่ ทั้งที่ประเทศไทยมีดินดำ น้ำชุ่ม อากาศดี ขณะที่ต่างชาติมีเพียงเทคโนโลยี นวัตกรรมที่ไม่สามารถนำดินดำน้ำชุ่มไปใช้ได้ ซึ่งเราสามารถนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาสู่ดินดำน้ำชุ่มของไทยได้"
อย่างไรก็ดี ความร่วมมือในครั้งนี้ เกิดจากทั้งกลุ่มบริษัท ไทยอีสเทิร์นฯและม.เกษตรศาสตร์เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมการวิจัย พัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงได้ทำบันทึกข้อตกลงที่จะร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ทางด้านยางพาราและปาล์ม ส่งเสริมและสนับสนุนการทำวิจัยทางด้านยางพาราและปาล์ม และพัฒนาห้องปฏิบัติการมาตรฐานและห้องปฏิบัติการนวัตกรรมทางด้านยางพาราและปาล์ม
นายจงรัก วัชรินทร์รัตน์ รักษาการอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีบทบาทหน้าที่ดังนี้
1. จัดทำหลักสูตรการสอนทางด้านยางพาราและปาล์ม
2. จัดหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม เพื่อเป็นวิทยากรในการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านยางพาราและปาล์ม
3. จัดหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม เพื่อเป็นประธานหลักสูตรทางด้านยางพาราและปาล์ม
4. ศึกษา วิจัย และพัฒนางานวิจัยทางด้านยางพาราและปาล์ม รวมถึงจัดหานักวิจัยที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมมาทำงานวิจัย
5. จัดหาเครื่องมือ สถานที่ และบุคลากรให้มีความพร้อมในการรับบริการทดสอบตัวอย่าง
ขณะที่ผู้ประกอบการภาคเอกชน มีบทบาทหน้าที่ดังนี้
1.ให้การสนับสนุนในการจัดทำหลักสูตรการสอนทางด้านยางพาราและปาล์ม
2.จัดเตรียมหัวข้อวิจัยและแนวทางการจัดการด้านทุนวิจัยสำหรับดำเนินการวิจัย
3. ให้การสนับสนุนในการส่งตัวอย่างทดสอบของหัวข้อวิจัย
ทั้งนี้ สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาในผลงานวิจัย ผลงานประดิษฐ์คิดค้นที่เกิดขึ้นภายใต้บันทึกความร่วมมือข้อตกลงให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์หรือสิทธิร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการภาคเอกชนและ มหาวิทยาลัยฝ่ายละร้อยละ 50 มีระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ลงนามบันทึกข้อตกลง