ทั้งนี้ ภายหลังจากที่มีผู้เข้าร่วมประชุมได้ชิมข้าวนุ่มพันธุ์ต่างๆ เพื่อเปรียบเทียบและทดสอบคุณภาพทั้งที่เป็นข้าวไวต่อแสงและไม่ไวต่อช่วงแสง อาทิ กข 21 กข59 พิษณุโลก 80 กข77 กข79 เป็นต้น ที่ประชุมได้เล็งเห็นศักยภาพในด้านการผลิตและคุณภาพจึงเห็นชอบให้ส่งเสริมการผลิตข้าวพันธุ์ กข79 เนื่องจากเป็นข้าวที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นประมาณ 118 วันโดยวิธีปักดำ แตกกอได้ดี คุณภาพการสีดีมากสามารถผลิตเป็นข้าวสาร 100% ชั้น 1 ได้ ข้าวสุกนุ่ม ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ย 809 กิโลกรัมต่อไร่ มีศักยภาพสามารถให้ผลผลิตสูง 1,182 กิโลกรัมต่อไร่สูงกว่าข้าวนุ่มพันธุ์อื่นๆ และที่สำคัญคือมีความต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและโรคไหม้ เหมาะสำหรับปลูกในนาเขตชลประทานในภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพันธุ์ กข79 เพิ่งรับรองพันธุ์เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 และอยู่ระหว่างการขยายพันธุ์เพื่อให้ได้จำนวนเมล็ดพันธุ์ข้าว รองรับพื้นที่เพาะปลูก 500,000 ไร่ ในปี 2563 กรมการข้าวจึงปรับแผนที่จะนำเมล็ดพันธุ์ กข79 จำนวนหนึ่งมาใช้ในโครงการนำร่องการผลิตและตลาดข้าวนุ่มครบวงจรในพื้นที่เขตชลประทาน ประมาณ 10,000 ไร่ เพื่อให้สามารถเพาะปลูกข้าว กข79 ได้เร็วขึ้น และนำผลผลิตข้าวมาทดสอบตลาดควบคู่กับการขยายเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อจำหน่ายให้ชาวนาตามกำหนดการเดิมในปี 2563 สำหรับรายละเอียดของโครงการผลิตและตลาดข้าวนุ่มครบวงจรนั้น กรมการข้าวจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมหารืออีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ทั้งภาครัฐ เอกชน และชาวนา ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและแนวทางในการผลิตให้สอดคล้องกับการวางแผนตลาดข้าวร่วมกันต่อไป.