คุณจางกล่าวว่า "การแปลงสินทรัพย์ด้านพลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลักทรัพย์กำลังจะกลายเป็นเทรนด์ที่มาแรงในการระดมทุนสำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และทาง Risen Energy ก็กำลังวางแผนแปลงสินทรัพย์ด้านพลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลักทรัพย์ โดยคาดว่าจะเริ่มกระบวนการทั้งหมดในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ จุดแข็งของเราคือประสบการณ์ทั่วโลกที่สั่งสมมานานกว่าทศวรรษในฐานะผู้ผลิตพลังงานอิสระ ทีมงานต่างประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันระดับสากล ประสบการณ์ระดับมืออาชีพในการพัฒนาโครงการ รวมถึงความสามารถในการระดมทุน การลงทุน และงานวิศวกรรมก่อสร้างแบบเบ็ดเสร็จ (EPC) และที่สำคัญคือ ความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับสถาบันการเงินทั่วโลก"
คุณจางกล่าวถึงประโยชน์ของหลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (ABS) ว่า "การรวบรวมสินทรัพย์มาแปลงเป็นหลักทรัพย์ทำให้สามารถโยกสินทรัพย์นั้นๆออกจากงบดุล รวมถึงกันนักลงทุนจากความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน นอกจากนี้ ABS ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เข้าถึงโอกาสทางธุรกิจและอุตสาหกรรมมากขึ้น จากเดิมที่เคยเข้าถึงสินทรัพย์ทั่วไปเท่านั้น ตลาดทุนเหล่านี้นำเสนอเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำลงในระยะยาวกว่าเดิม ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการระดมทุนโดยใช้สินทรัพย์ด้านพลังงาน รวมถึงยกระดับความสามารถในการแข่งขันของพลังงานแสงอาทิตย์เมื่อเทียบกับพลังงานประเภทอื่นๆ"
นอกจากนี้ คุณจางยังเปิดเผยแผนการในอนาคตของ Risen Energy และความน่าดึงดูดใจที่มีต่อตลาดทุน "Risen Energy จะขยายโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในออสเตรเลีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมถึงนำเสนอโซลูชั่นกักเก็บพลังงานในตลาดที่กริดไฟฟ้าค่อนข้างด้อยประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของเราในอุตสาหกรรมและตลาดต่างๆ ทั่วห่วงโซ่คุณค่าพลังงานแสงอาทิตย์ เราเชื่อว่าการนำเสนอโซลูชั่นกักเก็บพลังงานจะดึงดูดตลาดทุนได้มากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เล็งเห็นแล้วว่า การนำโซลูชั่นกักเก็บพลังงานมาใช้ร่วมกับระบบพลังงานแสงอาทิตย์กำลังได้รับความนิยมในอุตสาหกรรม เราตั้งเป้าที่จะขยายความสัมพันธ์กับบรรดาสถาบันการเงินเพื่อยกระดับการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้ต้นทุนต่ำลง"
ทั้งนี้ Risen Energy จะเป็นผู้ผลิตโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์รายแรกๆ ที่นำแนวคิดหลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ค้ำประกันมาใช้อย่างเป็นรูปธรรมจริงๆ
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20190328/2414160-1