นายชาญศิลป์ กล่าวว่า ปตท. ได้ดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0 ในการพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation, EECi) ให้เป็นเมืองนวัตกรรมใหม่ที่ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในการเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย ซึ่งศักยภาพของโรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง จะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันความเจริญทางเศรษฐกิจ ด้วยการสร้างคุณค่าให้กับพลังงานเหลือใช้ โดยการนำพลังงานความเย็นที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการเปลี่ยนสถานะแอลเอ็นจีให้เป็นก๊าซ มาใช้ในการสร้างความเย็นให้กับโรงเรือนเพาะปลูกพันธุ์ไม้และผลไม้เมืองหนาว รวมถึงการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้จากการแยกก๊าซธรรมชาติมาเร่งการเจริญเติบโตของพืช อีกทั้งยังสามารถนำมาผลิตเป็นน้ำแข็งแห้งสำหรับการทำฝนเทียม สนับสนุนให้แก่กรมฝนหลวงและการบินเกษตรในโครงการฝนหลวง และการปฏิบัติงานในภัยพิบัติต่างๆ มาแล้วกว่า 21 ปี ซึ่งนับเป็นโครงการที่ผสมผสานองค์ความรู้เพื่อพัฒนานวัตกรรมให้กับประเทศไทย
สำหรับความพิเศษของนวัตกรรมที่ ปตท. ได้พัฒนาเพิ่มเติมจากทุกปีที่ผ่านมา คือการใช้เทคโนโลยี IFV (Intermediate Fluid Vaporizer) ที่ดึงพลังงานความเย็นจากการเปลี่ยนสถานะ LNG ในการผลิตน้ำเย็น มาใช้ในการควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเพาะปลูก จึงทำให้ในปีนี้ ปตท. นำความงดงามของดอกทิวลิปหลากสีสันและดอกไม้นานาพันธุ์มาจัดวางกว่า 120,000 ดอก โดยผู้เข้าเยี่ยมชมจะได้สัมผัสปรากฏการณ์ใหม่กับจุดไฮไลท์ภายในสวนดอกไม้เมืองหนาว อาทิ จุด Rocky Gateway กับทางเดินในบรรยากาศอุโมงค์หินนำทางทะลุผ่านสู่เมืองกลางหุบเขา จุด Reflection of Light มุมสะท้อนผิวน้ำพร้อมวิวสวนสวยและบ้านบนเขากลับหัว และจุด Miracle Bridge กับความมหัศจรรย์แห่งสะพานกระจกใสที่มองเห็นทะลุทุ่งทิวลิปสุดอลังการด้านล่าง
และยังมีการแสดงแสงสีจากบ้านบนเนินเขายามค่ำคืน ดอกไม้ไฟ LED เรืองแสงท่ามกลางดอกไม้เปลี่ยนสีกับบรรยากาศสุดอลังการ ที่จะสร้างมุมมองใหม่ของการชมสวนดอกไม้กว่าแสนดอกยามเย็น พร้อมด้วยศิลปินนักร้องชั้นนำ และกิจกรรมบนเวทีตลอดทั้งวัน อาทิ การแสดงหุ่นมือ ตัวตลกโบโซ่ การวาดภาพระบายสี การเล่านิทาน เวิร์กชอปการสอนจัดต้นไม้จากสมาคมไม้ดอกภาคตะวันออก จุใจกับการ ช็อป ชม ชิม สินค้ามากมายจากวิสาหกิจชุมชนและสินค้า OTOP ปิดท้ายด้วยการสรงน้ำพระ สืบสานประเพณีสงกรานต์อันดีงามของไทย เสริมสิริมงคลให้กับผู้มาร่วมงาน
ปตท. ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมชื่นชมความมหัศจรรย์ของไม้เมืองหนาวผลงานของคนไทย โดยมีค่าเข้าชมเพียงท่านละ 40 บาท ซึ่งรายได้จากการจำหน่ายบัตร ปตท. จะบริจาคให้กับกองทุนสนับสนุนการจัดบริการศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและพิการ เมืองมาบตาพุด โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้ ปตท. มุ่งหวังอย่างยิ่ง ที่จะสร้างรอยยิ้มและความประทับใจอันแสนมีค่า พร้อมมอบความสุขให้กับผู้มาเยือน นายชาญศิลป์ กล่าวเสริม