นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้ส่งออกรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรส และน้ำจิ้ม รวมทั้ง เครื่องแกง เครื่องประกอบอาหารไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2562 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายในช่วงต้นปีขยายตัวตามเป้าหมาย มีการปรับราคาขายให้สอดรับกับต้นทุนการผลิตเริ่มเห็นผล รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบที่บริษัทดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องก็เริ่มเห็นผลเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ บริษัทยังเชื่อมั่นว่าผลประกอบการทั้งปี 2562 จะเป็นไปตามเป้าหมาย หรือรายได้มีการเติบโต 10-15% ขณะที่กำไรมีแนวโน้มจะทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง เนื่องจากการปรับขึ้นราคาขายจะสร้างอานิสงส์ให้กับบริษัทเต็มปีในปีนี้ เช่นเดียวกับการทำสัญญาซื้อวัตถุดิบล่วงหน้า ขณะเดียวกัน บริษัทจะเจาะตลาดสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มเพื่อขยายสู่ช่องทางการขายใหม่ และลูกค้าในประเทศที่มีศักยภาพ
โดยปัจจุบัน XO มีผลิตภัณฑ์แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้ม มีสัดส่วนประมาณ 80% ของยอดขายในปีที่ผ่านมา รองลงมา คือ กลุ่มเครื่องแกงเครื่องประกอบอาหารไทย , กลุ่มเครื่องดื่ม , กลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานอาหาร และกลุ่มอื่นๆ[PS1]
ขณะที่ ฝ่ายวิจัย บล.โนมูระ พัฒนสิน เผยแพร่ผ่านบทวิเคราะห์ว่า บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) มีภาพธุรกิจสดใส แนวโน้มกำไรโตต่ออีกอย่างน้อย 2 ไตรมาส จาก Organic growth ทางฝั่งของยอดขาย การขยายตลาดในประเทศใหม่ และความสามารถในการบริหารต้นทุน-ล็อคราคาวัตถุดิบได้อย่างน้อยสิ้นปี 2562 อีกทั้งยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เป็น Net cash company จึงคงคำแนะนำ ซื้อลงทุน ด้วยมูลค่าเหมาะสม 14.60 บาท
ขณะที บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 2562 ของ XO จะยังเติบโตต่อเนื่องจากปี 2561 สาเหตุจาก (1) รายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยสำหรับปี 2562 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากการรับรู้การขายสินค้าราคาใหม่เต็มปี และบริษัทตั้งเป้าขายสินค้ากลุ่มซอสเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลียที่บริษัทเพิ่งเข้าตลาดได้เมื่อปลายปี 2561 นอกจากนี้บริษัทได้เปลี่ยนสกุลเงินที่ใช้ในการซื้อขายกับลูกค้ารายใหญ่แห่งหนึ่งจากสกุลเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินบาท เพื่อลดความเสี่ยงด้านค่าเงิน คาดในปี 2562 สัดส่วนยอดขายสกุลเงินบาทอยู่ที่ 70-75% เทียบกับปี 2561 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 56% (2) อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น จากต้นทุนวัตถุดิบ เช่น น้ำตาล กระเทียม และพริก ที่ต่ำ โดยบริษัทสามารถล็อคต้นทุนน้ำตาลที่ราคาต่ำได้ถึงครึ่งแรกปี 2563 และล็อคราคากระเทียมได้ถึงครึ่งหลังปี 2563
[PS1]ถ้าเรียงตามลำดับยอดขาย
3. สินค้ากลุ่มอื่นๆ
4. กลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานอาหาร
5. กลุ่มเครื่องดื่ม