กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--มาสเตอร์ มายด์
ผู้บริหาร “ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล” เผยช่วงราคาไอพีโอน่าจะอยู่ระหว่าง 2.48 — 2.64 บาท เทียบเคียงกับค่าพีอีที่ 7-7.5 เท่า ต่ำกว่าพีอีตลาดเอ็มเอไอ ถือเป็นส่วนลดสำหรับนักลงทุนที่จองซื้อ พร้อมเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก 13-15 พ.ย. นี้ มั่นใจยอดขายปีนี้โตทะลุเป้าแน่นอน
นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ UKEM เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้นำเสนอข้อมูลต่อนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งในช่วงที่ผ่านมานั้น จากการติดตามพบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะประเมินราคาหุ้นตามอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นหรือพี/อี เรโช ดังนั้น หากพิจารณาจากค่าพี/อีของตลาด MAI ในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 8—8.5 เท่า และค่าพี/อีของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งอยู่ที่ 9 เท่าแล้ว ราคาหุ้นของ UKEM ที่อ้างอิงจากระดับพี/อี เรโช ดังกล่าวจะอยู่ระหว่าง 2.82 -3.00 บาทต่อหุ้น
“อย่างไรก็ตาม ในการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เราต้องการให้ผู้ลงทุนที่จองซื้อหุ้น IPO ของ UKEM ซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่คำนวณตามพีอีดังกล่าว เราจึงคิดว่า จะตั้งราคาขายในช่วงพีอี 7—7.5 เท่า ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้น UKEM อยู่ในช่วง 2.48—2.64 บาทต่อหุ้น” นายพีรเจตกล่าวและว่า สำหรับข้อสรุปเรื่องราคาที่ชัดเจนยังอยู่ระหว่างพิจารณาและต้องดูภาวะโดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ด้วย
ทั้งนี้ บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 165 ล้านบาท และมีทุนชำระแล้วก่อนการเสนอขายหุ้น 131 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเตรียมที่จะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปจำนวน 34 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายนนี้
โดยบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจนำเข้า-ส่งออกและจำหน่ายเคมีภัณฑ์ประเภทสารทำละลายหรือโซลเว้นท์ (Solvents) ซึ่งเป็นผลผลิตจากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ โดยใช้เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมสี อุตสาหกรรมเกี่ยวกับหมึก-สิ่งพิมพ์ อุตสาหกรรมเรซิ่น รวมทั้งอุตสาหกรรมเกี่ยวกับพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ด้วย
รองกรรมการผู้จัดการ UKEM กล่าวด้วยว่า ยอดขายส่วนใหญ่ของบริษัทฯ มาจากการจำหน่ายเคมีภัณฑ์ให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตสี ทั้งกลุ่มสีทาอาคาร สีอุตสาหกรรมและสีรถยนต์ ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และบริษัทฯ มั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1,800 ล้านบาทแน่นอน ขณะที่แนวโน้มในปี 2550 คาดว่า จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
อนึ่ง เงินที่ได้รับจากการระดมทุน ส่วนหนึ่งจะนำไปชำระหนี้เงินกู้ระยะสั้น และส่วนที่เหลือจะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายขึ้นเพื่อสนองต่อความต้องการของลูกค้าปัจจุบันและอนาคต รวมถึงขยายฐานลูกค้าโดยการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ และปรับปรุงระบบโลจิสติกส์เพื่อสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและตรงต่อเวลา
ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ : คุณวารุณี คำไชย (แนน)
โทร: 0-2643-1191 ต่อ 15 หรือ 08-1496-6762 e-mail : [email protected]
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net