ในความเป็นจริงการปลูกพืชผักให้เจริญงอกงามและได้ผลดี หัวใจสำคัญคือการเตรียมสภาพดินให้พร้อม ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อพืชจะได้ดูดซับธาตุอาหารไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ขั้นตอนของการเตรียมดินจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องเรียนรู้ศึกษา เกษตรกรส่วนใหญ่มักจะใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกพืชเพียงอย่างเดียว เพราะใช้สะดวก ง่าย และเห็นผลเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
การใส่ปุ๋ยให้สารบำรุงดินตลอดเวลา หารู้ไม่ว่านั่นคือการทำลายดินโดยไม่รู้ตัว เพราะปุ๋ยหรือสารบำรุงที่ใช้เป็นสารเคมีฉีดบำรุงต้น-บำรุงใบ-ทางดินและการใช้สารเคมีกำจัดหญ้าหรือวัชพืช เป็นสาเหตุทำให้ดินสะสมสารพิษ เสื่อมโทรม แน่นแข็ง ค่าความเป็นกรด-ด่างจัด ดินก็บล็อกปุ๋ย (พืชไม่กินปุ๋ย) เมื่อดินแน่นแข็งรากพืชก็ไม่สามารถแพร่กระจายหาปุ๋ยหรือธาตุอาหารต่าง ๆ ได้ ยิ่งดินบล็อกปุ๋ยหรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า "พืชไม่กินปุ๋ย" เกษตรกรก็ยิ่งเพิ่มจำนวนปุ๋ยมากขึ้นเรื่อย ๆ และฉีดฮอร์โมนมากขึ้นตามลำดับ ทำให้ต้นทุนยิ่งสูงขึ้น กำไรที่ได้มาเมื่อหักลบกลบหนี้แล้วจะเหลือไม่เท่าไหร่เมื่อเปรียบเทียบกับสมัยก่อน ซึ่งสมัยก่อนนั้นดินจะมีสภาพที่ดี ร่วนซุย ธาตุอาหารหลักอาหารรองและธาตุเสริมมีอย่างมากมายในดิน จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์กับดินนั้นมีอยู่เยอะ ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ดีมาก เปรียบเสมือนกับดินในป่าที่เพิ่งบุกเบิกใหม่เพาะปลูกอะไรก็งอกงามผลผลิตสูง กำไรก็สูงตามไปด้วย
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ จึงขอแนะนำวิธีการปรับปรุงบำรุงดินแบบไม่ยุ่งยาก อันดับแรกคือให้เกษตรกรตรวจเช็คดินให้พร้อมต่อการเพาะปลูกแบบง่าย ๆ โดยการตรวจวัดค่า PH ของดินให้อยู่ที่ 5.3-6.8 (เป็นกรดอ่อนๆ) เมื่อตรวจแล้วค่า PH มากกว่าหรือน้อยกว่า 5.8-6.3 ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ปรับปรุงบำรุงดิน พูมิช-ซัลเฟอร์ หว่าน 1-2 กระสอบ/ไร่ เพราะ พูมิช-ซัลเฟอร์ มีคุณสมบัติปรับปรุงบำรุงดินให้โปร่งร่วนซุย และช่วยปรับค่า PH ของดินให้มาอยู่ที่มาตรฐาน 5.8-6.3 ได้ และให้ธาตุอาหารครบครัน แต่ประโยชน์หลักๆ ของ พูมิช-ซัลเฟอร์ นั้นคือ ซิลิก้าหรือซิลิคอน ที่มีอยู่มากมาย ทำให้ต้นพืชมีความแข็งแกร่ง แข็งแรง ต้านทานโรคหรือแมลงศัตรูพืชได้ สร้างผลผลิตเพิ่มขึ้นแต่ต้นทุนลดลง พร้อมคืนความสมบูรณ์ลงสู่ดิน ให้ลูกหลานสามารถทำเกษตรได้อย่างยั่งยืน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ความสำคัญในเรื่อง "ดิน" เพราะดินที่ดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งจริงๆ