ทำเกษตรถ้าดินดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง !!

พฤหัส ๑๑ เมษายน ๒๐๑๙ ๑๓:๒๔
พี่น้องเกษตรกรหลายคนพยายามศึกษาหาวิธี เพื่อที่จะให้สวนเกษตรของตนเองนั้นประสบความสำเร็จ ได้ผลผลิตตามที่ต้องการ และอยู่รอดปลอดภัยในระยะยาว จนถึงขั้นไปศึกษาดูงานตามสวนหรือไร่ที่มีชื่อเสียง แต่แล้วก็มักจะทำให้ไขว้เขว เนื่องจากส่วนใหญ่ที่ไปดูมานั้น มักจะใช้วิธีการดูแลแก้ไขปัญหาในรูปแบบที่เน้นความสะดวก สบาย ง่ายๆ เสียเป็นส่วนมาก คือเมื่อเกิดปัญหาโรค แมลง รา ไร ระบาด ก็ไปหยิบยาฆ่าแมลงและสารเคมีต่างๆ นำมาฉีดพ่นโดยไม่ได้เตรียมการวางแผนอะไรมาตั้งแต่เนิ่นๆ เลย จึงทำให้บางครั้งถ้าโรค แมลง มีการดื้อยา ก็เกิดความเสียหายจนเอาไม่อยู่

ในความเป็นจริงการปลูกพืชผักให้เจริญงอกงามและได้ผลดี หัวใจสำคัญคือการเตรียมสภาพดินให้พร้อม ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อพืชจะได้ดูดซับธาตุอาหารไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ขั้นตอนของการเตรียมดินจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องเรียนรู้ศึกษา เกษตรกรส่วนใหญ่มักจะใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกพืชเพียงอย่างเดียว เพราะใช้สะดวก ง่าย และเห็นผลเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

การใส่ปุ๋ยให้สารบำรุงดินตลอดเวลา หารู้ไม่ว่านั่นคือการทำลายดินโดยไม่รู้ตัว เพราะปุ๋ยหรือสารบำรุงที่ใช้เป็นสารเคมีฉีดบำรุงต้น-บำรุงใบ-ทางดินและการใช้สารเคมีกำจัดหญ้าหรือวัชพืช เป็นสาเหตุทำให้ดินสะสมสารพิษ เสื่อมโทรม แน่นแข็ง ค่าความเป็นกรด-ด่างจัด ดินก็บล็อกปุ๋ย (พืชไม่กินปุ๋ย) เมื่อดินแน่นแข็งรากพืชก็ไม่สามารถแพร่กระจายหาปุ๋ยหรือธาตุอาหารต่าง ๆ ได้ ยิ่งดินบล็อกปุ๋ยหรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า "พืชไม่กินปุ๋ย" เกษตรกรก็ยิ่งเพิ่มจำนวนปุ๋ยมากขึ้นเรื่อย ๆ และฉีดฮอร์โมนมากขึ้นตามลำดับ ทำให้ต้นทุนยิ่งสูงขึ้น กำไรที่ได้มาเมื่อหักลบกลบหนี้แล้วจะเหลือไม่เท่าไหร่เมื่อเปรียบเทียบกับสมัยก่อน ซึ่งสมัยก่อนนั้นดินจะมีสภาพที่ดี ร่วนซุย ธาตุอาหารหลักอาหารรองและธาตุเสริมมีอย่างมากมายในดิน จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์กับดินนั้นมีอยู่เยอะ ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ดีมาก เปรียบเสมือนกับดินในป่าที่เพิ่งบุกเบิกใหม่เพาะปลูกอะไรก็งอกงามผลผลิตสูง กำไรก็สูงตามไปด้วย

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ จึงขอแนะนำวิธีการปรับปรุงบำรุงดินแบบไม่ยุ่งยาก อันดับแรกคือให้เกษตรกรตรวจเช็คดินให้พร้อมต่อการเพาะปลูกแบบง่าย ๆ โดยการตรวจวัดค่า PH ของดินให้อยู่ที่ 5.3-6.8 (เป็นกรดอ่อนๆ) เมื่อตรวจแล้วค่า PH มากกว่าหรือน้อยกว่า 5.8-6.3 ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ปรับปรุงบำรุงดิน พูมิช-ซัลเฟอร์ หว่าน 1-2 กระสอบ/ไร่ เพราะ พูมิช-ซัลเฟอร์ มีคุณสมบัติปรับปรุงบำรุงดินให้โปร่งร่วนซุย และช่วยปรับค่า PH ของดินให้มาอยู่ที่มาตรฐาน 5.8-6.3 ได้ และให้ธาตุอาหารครบครัน แต่ประโยชน์หลักๆ ของ พูมิช-ซัลเฟอร์ นั้นคือ ซิลิก้าหรือซิลิคอน ที่มีอยู่มากมาย ทำให้ต้นพืชมีความแข็งแกร่ง แข็งแรง ต้านทานโรคหรือแมลงศัตรูพืชได้ สร้างผลผลิตเพิ่มขึ้นแต่ต้นทุนลดลง พร้อมคืนความสมบูรณ์ลงสู่ดิน ให้ลูกหลานสามารถทำเกษตรได้อย่างยั่งยืน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ความสำคัญในเรื่อง "ดิน" เพราะดินที่ดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งจริงๆ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๐๐ สะเทือนวงการ หมอต้อย-กิฟฟารีน ทำถึง คว้ารางวัลใหญ่ 3 ปีซ้อน พ่วงติดอันดับ Top 100 ขายตรงโลก
๑๖:๔๗ หอการค้านานาชาติ (ICC) ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนทั่วโลก
๑๖:๒๘ ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ (TITLE) เดินหน้าบุกตลาด Luxury Villa ครั้งแรก ส่งโครงการใหม่ THE TITLE VILLA ESTELLA NAIYANG (เดอะ ไทเทิล วิลล่า เอสเตลลา ในยาง) ปักหมุด Rare Location ใกล้หาดในยาง
๑๖:๑๖ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ส่งมอบขยะขวดพลาสติกจากโครงการ Office Go Green ให้วัดจากแดง จ.สมุทรปราการ
๑๖:๕๓ SNPS ต้อนรับนิสิตจุฬาฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้ นวัตกรรมสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน
๑๖:๔๑ พักผ่อนสุดชิค สังสรรค์สุดมันส์กับเพื่อนสนิทในแบบที่คุณต้องการกับแพ็กเกจ Bunk Bond ที่อวานี สุขุมวิท กรุงเทพฯ
๑๖:๒๑ ปวดหัวบ่อยๆ อย่าปล่อยผ่าน อาจเป็นสัญญาณเตือน เนื้องอกในสมอง
๑๖:๐๐ สายบิวตี้ต้องมี! เติมความมั่นใจให้ริมฝีปาก แท่งเดียวเอาอยู่ MAKNE LIP DUO TINT FONDUE คอมพลีทลุค ติดทนตลอดวัน
๑๖:๐๙ GPI โชว์ฟีดแบ็ก 'งานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46' กวาดยอดจอง 77,379 คัน รายได้จัดงานพุ่ง 10% หนุนแนวโน้มผลงานครึ่งปีแรกสดใส
๑๖:๑๖ ราชินีแห่งหน่อไม้ฝรั่งวัตถุดิบความอร่อยที่ควรลิ้มลอง ณ ห้องอาหารเรดสกาย โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์