สำหรับหัวข้อบรรยายธรรมครั้งนี้ นำมาจากชื่อหนังสือ"ใครจิกหัวกู" เขียนโดยพล.อ.ต.นพ.บุญเลิศ ที่ใช้เวลาเขียนยาวนานถึง 9 ปี ซึ่งศาสนิกชนของทุกศาสนาสามารถหาคำตอบของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ในหนังสือเล่มนี้ ก่อนอื่นพล.อ.ต.นพ.บุญเลิศเกริ่นว่าสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาอย่างยิ่งคือ ความสุข สิ่งที่ไม่ปรารถนาคือความทุกข์ ในความเป็นจริงมนุษย์ต้องเผชิญกับความทุกข์เพราะยอมให้ตัวเองถูกจิกหัวใช้ตามยถากรรม ขณะที่ศาสนาพุทธเน้นเรื่องการรู้จักสาเหตุของทุกข์และการดับทุกข์อย่างถูกวิธี
สิ่งที่ทำให้ทุกข์ เกิดจากหลายสาเหตุ 1. ทุกข์ที่เกิดจากธรรมชาติของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย 2. ทุกข์ที่เกิดจากการถูกเบียดเบียนจากผู้อื่น 3. ทุกข์ที่เกิดจากความโง่ของตัวเราเอง อย่างเช่นลูกไม่ได้ดั่งใจก็ทุกข์ เพราะโง่คิดว่าลูกเป็นของเรา ทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่ของเรา เขาเป็นของธรรมชาติในความไม่เที่ยง 4. ทุกข์จากการนินทา ถ้าเป็นคนฉลาดจะมองตัวเองและนำมาพัฒนา พร้อมมองผู้นินทาด้วยความเมตตา เพราะมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ 5. ทุกข์เพราะถูกญาติเนรคุณ ฉะนั้นถ้าจะช่วยเหลือใคร ต้องไม่หวังสิ่งตอบแทน จะได้ไม่ทุกข์
"ทุกข์ที่เกิดจากความโง่ของเราสามารถแก้ได้ ทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ถ้าเราบรรลุก็จะไม่เกิด แต่ทั้งหมดนี้เกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่เอาตัวรอด สร้างความเดือดร้อนและหาความสุขโดยผิดทำนองคลองธรรมทั้งหมดเพราะความโง่ทั้งสิ้น มองออกหรือยังว่าใครจิกหัวเราอยู่ ความโง่นั่นเองแหละ"
พล.อ.ต.นพ.บุญเลิศยอมรับว่า ในอดีตตนเองก็เคยถูกจิกหัวใช้มาตั้งนาน นานนับ10 ปีจนตอนนี้รู้ชัดแล้วว่าโปรแกรมโง่จิกหัวอยู่ จึงต้องเรียนรู้วิธีที่อยู่กับมันอย่างรู้เท่าทัน ถึงจะไม่ใช่คนดีแต่ถือว่าเป็นคนโชคดีสุดๆ ที่ได้คำตอบว่า มนุษย์กำลังถูกใครจิกหัวใช้อยู่
"ผมโชคดีมากเลยที่ได้พบท่านพุทธทาส ทำให้ผมได้คำตอบว่า ขณะนี้โปรแกรมโง่ที่ชาวพุทธเรียกว่าอวิชชาหรือกิเลสและตัณหา กำลังจิกหัวใช้พวกเราอยู่ มนุษย์เราทุกครั้งที่ขาดสติ ความยึดมั่นถือมั่นในความโง่จะคอยครอบงำ โดยไม่เคยรู้ตัวถ้าไม่ฝึกเจริญสติ"
พล.อ.ต.นพ.บุญเลิศย้ำอีกว่า สรุปแล้วใครจิกหัวกู คำตอบคือ โปรแกรมโง่ที่ถูกผู้ที่สร้างทุกสรรพสิ่ง สร้างมาเพื่อควบคุมให้โลกนี้หมุนไปตามครรลองคลองธรรม ในโลกนี้ไม่มีอะไรดีกว่าอะไร มีแต่ว่าอะไรเหมาะกับใคร มนุษย์เราทั้งหลายทั้งปวงก็แค่เศษธุลีของจักรวาลที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในครรลองของธรรมชาติ มนุษย์ได้ถูกเบื้องบนสร้างมาเพื่อทำหน้าที่ดำรงเผ่าพันธุ์ให้ดีขึ้น โดยมีโลกียสุขเป็นรางวัล แล้วถูกโปรแกรมให้ยึดมั่นความเป็นตัวกูของกู เพื่อป้องกันการสูญพันธุ์ ความยึดมั่นในตัวกูของกูมีทั้งฟากฉันทะและฟากกิเลส
ดังนั้นหากจะดับทุกข์ให้ถูกวิธี ถ้าเป็นพุทธเถรวาท จะไม่อ้อนวอนใครเลย ต้องพึ่งตนเอง ในการเข้าสู่พระนิพพาน แต่ถ้าเป็นพุทธมหายาน ต้องพึ่งตนเองและพึ่งพระโพธิสัตว์ให้มาช่วย ศาสนาพุทธเชื่อว่าการเกิดเป็นทุกข์ และต้องเวียนว่ายตายเกิดจนกว่าจะสามารถชำระจิตให้ปลอดจากกิเลสและตัณหา อันเป็นความปรารถนาสูงสุด จึงต้องประกาศอิสรภาพจากวัฏสงสาร
คุณหมอผู้ใฝ่ธรรมท่านนี้แนะนำว่า ถ้าอยากมีความสุข ต้องดับทุกข์ให้เป็น ซึ่งการต่อสู้กับความทุกข์ในโลกยุคนี้ต้องใช้อาวุธเป็นปัญญา เพราะเกิดจากความโง่ ต้องมีดาบเป็นปัญญา มีเกราะเป็นกุศลกรรม ต้องเริ่มจากไม่ทำชั่วและทำดี พร้อมมีเครื่องทุ่นแรงคือ เงินที่ได้มาด้วยความซื่อสัตย์
"ถ้าเราขาดสติขาดปัญญา เมื่อถูกกิเลสครอบงำเราก็จะเจอความทุกข์ ขอให้ตื่นเถิด จะได้รู้และเบิกบาน อย่าให้ความโง่ครอบงำ โปรแกรมโง่มันร้ายมาก ชาวพุทธเรียกว่ากิเลส ดังนั้นต้องดำรงตนด้วยสติปัญญา ศรัทธา กุศลกรรม และทางสายกลาง และให้ทุกคนในโลกเข้าถึงแก่นของศาสนา เพื่อจะเกิดความปรองดองระหว่างศาสนา จะเป็นคนดีที่มีความสุข แล้วจะฉุดเพื่อนมนุษย์ให้พ้นจากอำนาจของลัทธิบริโภคนิยม"
สนใจร่วมฟังธรรมะบรรยายในโครงการ"เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ" ได้ที่ชั้น 11 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์ ถนนสีลม ทุกวันศุกร์ เวลา 12:00 -13:30 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ