กูรูทิสโก้แนะทยอยขาย-ปรับพอร์ต รับมือเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า

จันทร์ ๒๒ เมษายน ๒๐๑๙ ๐๙:๐๐
กูรูทิสโก้เผยผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 3 เดือนและ 10 ปี ตัดกัน (Yield Curve Invert) สะท้อนความเสี่ยงเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า แต่ยังไม่ใช่สัญญาณขายหุ้น แนะอย่าตื่นตระหนกให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไรและปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobphol, Head of Economic Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2562 อัตราผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ระยะสั้นอายุ 3 เดือน และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอายุ 10 ปี ของสหรัฐฯ ตัดกันอีกครั้ง หรือที่เรียกกันว่า Yield Curve Invert ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญที่ชี้ว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า

"การตัดกัน (Invert) ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาวสามารถพยากรณ์ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือ Recession ได้อย่างแม่นยำ โดยในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยถึง 7 ครั้งในสหรัฐฯ ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณ Invert ก่อนที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทุกครั้ง และในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงไปอยู่ที่ระดับประมาณ 2.37% ต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 3 เดือน ซึ่งอยู่ที่ระดับประมาณ 2.40% สะท้อนมุมมองของตลาดทุนต่อความเสี่ยงของเศรษฐกิจในอนาคต" นายคมศรกล่าว

อย่างไรก็ตาม การตัดกันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยาวในครั้งนี้ยังไม่ใช่สัญญาณเตือนว่านักลงทุนควรรีบเทขายหุ้นในช่วงนี้ เนื่องจาก ข้อมูลในอดีตชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมักจะเกิดขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาวตัดกันเป็นเวลา 20 เดือนโดยเฉลี่ย ดังนั้น หากนับจากวันที่ 22 มีนาคม เป็นวันแรกที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ตัดกัน เท่ากับว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2563 ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์หลายๆ สำนัก ที่มองว่าเศรษฐกิจจะเริ่มเกิดภาวะถดถอยในช่วงดังกล่าว

ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นคือ ก่อนเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยประมาณ 6-7 เดือน ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นสู่จุดสูงสุด (Peak) และหากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2563 ตลาดหุ้นก็น่าจะปรับตัวขึ้นแตะจุดสูงสุดในช่วงปลายไตรมาส 1 ถึงต้นไตรมาส 2 ของปี 2563 ดังนั้น นักลงทุนยังมีเวลาในการปรับพอร์ตลงทุนก่อนตลาดจะกลับเข้าสู่ตลาดขาลง (Bear Market) ประมาณ 1 ปี

ดังนั้น จึงแนะนำให้นักลงทุนอย่าตื่นตระหนกและรีบเทขายหุ้นในช่วงนี้ โดยในระยะสั้นภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2562 ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกเล็กน้อย ผลบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวตามการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ประกอบกับข่าวดีจากการตกลงทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่กลับมาผ่อนคลายมากขึ้น แต่ในระยะกลางถึงระยะยาวแนะนำให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไรและปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงและเตรียมรับมือกับการถดถอยของเศรษฐกิจครั้งถัดไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๓ LE โชว์ผลงาน Q3/67 กำไรทะยาน 312% รายได้อยู่ที่ 720 ลบ. ส่งซิก Q4 โตต่อเนื่อง ล่าสุดกอด Backlog แน่น 1,300
๑๗:๕๐ แม็คโคร พัทยา ปรับโฉมใหม่ รองรับกำลังซื้อช่วงไฮซีซั่น พร้อมจัดแคมเปญขอบคุณลูกค้าส่งท้ายปี ส่งมอบความคุ้มค่าทั่วเมืองพัทยา
๑๗:๒๑ ยันม่าร์ โชว์นวัตกรรมการเกษตร ในงานประชุมใหญ่ชาวไร่อ้อยสามัญประจำปี พร้อมฉลองครบรอบ 45 ปี สนับสนุนเงินดาวน์แทรกเตอร์ถึง 3
๑๗:๕๒ CHAYO งบ Q3/67 สุดปังทั้งรายได้และกำไร งวด 9 เดือนรายได้พุ่ง 38.85% มั่นใจรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20%
๑๗:๔๘ TNP เข้ารับเกียรติบัตร CAC ในฐานะบริษัทฯ ที่ได้รับการต่ออายุรับรองครั้งที่ 2 มุ่งมั่นเป็นองค์กรที่ร่วมต่อต้านคอร์รัปชันในภาคเอกชนไทย
๑๗:๕๙ คริสตัล โฮม ร่วมกับ AXOR จัดเวิร์กชอป The Power of Colors เผยเคล็ดลับดีไซน์ห้องน้ำหรูด้วยสีสันที่โดดเด่น
๑๗:๓๕ ทีเอ็มบีธนชาต ชวนซื้อสลากกาชาดทีทีบี ได้บุญ พร้อมลุ้นโชค 716 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ การให้ บำรุงสภากาชาดไทย
๑๗:๒๕ PRTR ประกาศงบ Q3/67 กำไรนิวไฮอีกครั้ง โตกว่า 14% ธุรกิจ Outsource ดาวเด่น คาด Q4/67 ดีมานด์พุ่ง
๑๗:๔๔ PLUS ส่ง Coco Royal ลุยช่องทางการขายชั้นนำในจีน ดันยอดขายพุ่ง รับออเดอร์ลูกค้ารายใหญ่ พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังการผลิต
๑๗:๓๘ PRAPAT ฟอร์มแกร่ง! กวาดกำไร Q3/67 โต 77% แตะ 17.49 ล้านบาท รับปัจจัยหนุนจากรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านครัว