นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานกรรมการ บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) (EFORL) ผู้แทนจำหน่ายและผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้มีแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกับ บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EFORL ถึงวิธีแก้ไขการติดเครื่องหมาย "C" (Caution) ซึ่งหากเป็นไปตามแผนงานที่วางเอาไว้ คาดว่าภายในปีนี้น่าจะสามารถปลดเครื่องหมาย C ได้
สำหรับแนวทางในการแก้ไขคือ 1. การเพิ่มทุนจดทะเบียน ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา 2.การเพิ่มรายได้และบริการในส่วนของธุรกิจเครื่องมือแพทย์ และธุรกิจความงาม จะมีการปรับปรุงและเพิ่มทีมขายให้มีประสิทธิภาพในการขายเพิ่มขึ้น พร้อมมุ่งขยายตลาดในฐานลูกค้าเดิมและฐานลูกค้าใหม่ ทั้งผลิตภัณฑ์เดิมและผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งคอสเมติกและคลินิก และ3.การกลับรายการสำรองทางบัญชี ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ทำการตั้งสำรองในส่วนของบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก จำกัด ไว้จำนวนกว่า 700 ล้านบาท และในอนาคตหากบริษัทย่อยสามารถดำเนินการตามแผนงาน และมีการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้กลุ่มบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ส่งผลให้มูลค่าธุรกิจสูงขึ้น และสามารถกลับรายการสำรองทางบัญชีบางรายการได้ จะส่งผลในเชิงบวกกับบริษัทฯ อีกครั้ง
ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ EFORL ที่นำเสนอต่อลูกค้า ได้แก่ 1.โปรแกรมระบบเตือนและเฝ้าระวังป้องกันการติดเชื้อในกระแสโลหิตล่วงหน้า Early Warning Score Program (EWS) 2.ระบบอิเล็กทรอนิกส์เวชระเบียนงานระงับความรู้สึก (Anesthesia Record System) 3.โปรแกรมระบบการดู ส่งต่อและเก็บข้อมูลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ร่วมกับระบบเวชระเบียนของโรงพยาบาล แบบอัตโนมัติ 4.โปรแกรมระบบส่งต่อข้อมูลของเครื่องวัดความดันโลหิต นอกจากนี้ในอนาคตยังมีแผนที่จะร่วมลงทุนและจำหน่ายเครื่องมือแพทย์บางรายการกับบริษัทชั้นนำต่างประเทศ
เขากล่าวต่อว่าในส่วนของ "บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท วุฒิศักดิ์ คอสเมติก อินเตอร์ จำกัด" ได้กำหนดแนวทางแก้ไขไว้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการเสริมทีมบุคลากร เครื่องมือ ยา และการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ครบถ้วน พยายามพลักดันการขายสินค้าให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นรายการที่มีกำไรสูง และมีการเปิดสาขาในจุดที่มีศักยภาพเพิ่มเติม โดยภาพรวมคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นและเข้าใกล้จุดคุ้มทุน ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ภายในปีนี้
ปัจจุบัน "วุฒิศักดิ์" มีสินค้าอยู่ 2 กลุ่ม ได้แก่ผลิตภัณฑ์ของ Wuttisak และ Snail8 ซึ่งยอดขายทั้งสองกลุ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและการทำโปรโมชั่น ปัจจุบันกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ Wuttisak Cosmetic คาดว่าจะเห็นในเดือนมิถุนายน 2562 นี้ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และกลับไปขยายการลงทุนประเทศในกลุ่ม CLMV อีกด้วย
"เราได้ประชุมหารือถึงการปลดล็อค สิ่งสำคัญคือการเร่งสร้างรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น และในปีนี้เราก็ตั้งเป้าหมายเติบโต 15% คิดเป็นประมาณ 2,300 ล้านบาท ในส่วนของ EFORL ไม่มีปัญหาใดๆ ยังคงดำเนินธุรกิจและเติบโตได้ตามปกติ แต่ปัญหาหลักๆ มาจากบริษัทย่อย ดังนั้น "วุฒิศักดิ์" จะต้องเร่งเพิ่มยอดขายทั้งในผลิตภัณฑ์ของ Wuttisak และผลิตภัณฑ์ของ Snail8 การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย โดยคาดว่าภายในครึ่งปีหลังจะเห็นภาพที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน" นายปรีชา กล่าวในที่สุด