เมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 เม.ย. 62 ที่ ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการประชุมสมัชชาใหญ่คณะกรรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย ประจำปี 2561 โดยมีสมาชิกคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยการประชุมในครั้งนี้มีวาระสำคัญคือการสรุปผลงานของทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทยในรอบปีที่ผ่านมา และหารือถึงแนวทางการพัฒนานักกีฬาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬา "พาราลิมปิกเกมส์ 2020" ที่จะมีขึ้น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
โดยในที่ประชุมเริ่มด้วยการรับรองวาระการประชุมในปีที่ผ่านมา ต่อด้วยการรายงานงบดุลประจำปี 2561 โดย นายมาโนชญ์ มัชฌมาวรรณ เหรัญญิก ซึ่งปีที่ผ่านมา คณะกรรมการพาราฯ มีรายได้ 28,458,152.53 บาท มีรายจ่าย 23,479,491.41 บาท ทำให้สมาคมมีรายได้สูงกว่ารายจ่าย 4,979,096.74 บาท จากนั้นได้มีรายงานผลงานในรอบปีที่ผ่านมาของคณะกรรมการพาราลิมปิคไทย รวมถึงแผนงานในปีหน้า
โดย จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคณะกรรมการทุกท่านที่มีส่วนทำให้คณะกรรมการพาราลิมปิกไทยประสบความสำเร็จ ในหลายมิติ อาทิ เรื่องการแข่งขัน หรือ การพัฒนานักกีฬา รวมถึงบุคลากรทางการกีฬา ส่วนในเอเชี่ยนพาราเกมส์ซึ่งนักกีฬาเราทำผลงานได้อันดับที่ 7 แต่ต้องบอกว่าเราไม่ได้พอใจร้อยเปอร์เซ็นเพราะจำนวนเหรียญทองเราอาจเพิ่มขึ้น แต่ทว่าอันดับเราตกลง ทำให้เราคงลงไปดูในรายละเอียดในแต่ละประเภทกีฬา เนื่องจากในบางชนิดกีฬาเราทำผลงานงานได้ดีเกินคาด ซึ่งเรามีนักกีฬาหน้าใหม่เข้ามาสร้างผลงานทำลายสถิติของตัวเอง และการแข่งขัน แต่ก็มีบ้างกีฬาที่ทำผลงานได้ไม่ดี ซึ่งมันเป็นความรับผิดชอบของคณะกรรมการพาราลิมปิก และสมาคมกีฬาฯ ซึ่งเราต้องหาจุดอ่อนของเราเพื่อกลับมาพัฒนาให้ดีขึ้นให้ได้ในอนาคต
ขณะที่ความสำเร็จในด้านอื่นๆ ในเวลานี้ต่างชาติให้ความสำคัญกับพาราลิมปิกมากๆ โดยเฉพาะพาราลิมปิกไทย ซึ่งที่ผ่านมาตนได้รับเชิญจาก IPC ให้เป็นกรรมการของอกิตอส (AGITOS) ซึ่งเป็นมูลนิธิที่พัฒนานักกีฬาพาราของพาราลิมปิกสากล ซึ่งถือเป็นตัวแทนของเอเชียไปนั่งเป็นคณะกรรมการ เนื่องจากเขาไม่ได้เล็งเห็นความสำคัญในด้านกีฬาเพียงอย่างเดียว แต่เขามองถึงเรื่องการความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ และเอกชน ซึ่งประเทศไทยทำได้ดีมากๆ
นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเขาได้รับเป็นเจ้าภาพ โอลิมปิกเกมส์ และ พาราลิมปิกเกมส์ รัฐบาลเขาจึงอยากให้ทุกจังหวัดเข้ามามีส่วนร่วม แม้ว่าจะไม่เป็นเมืองที่จัดการแข่งขันก็ตาม ทำให้หลายเมืองในประเทศญี่ปุ่น ให้ความสนใจพาราลิมปิกไทย เปิดให้นักกีฬาของไทยเข้าไปฝึกซ้อมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยเราได้มีการเซ็นเอ็มโอยูกับเขาไปแล้วหนึ่งจังหวัด โดยสมาคมกีฬาคนพิการทางสมองแห่งประเทศไทย ซึ่งได้มีฝึกซ้อมที่ จังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนั้นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเรา แต่อย่างไรด็ดีต้องยอมรับว่าหากเราไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐเราคงไม่มีถึงจุดนี้ได้
แต่เมื่อมองในภาพรวมของปี 2561 แล้ว ต้องบอกว่าเป็นปีที่ดี เพราะจากการที่เราวางรากฐานกันมากว่า 10 ปี ทำให้เราได้เห็นผลที่งอกเงยออกมาเพราะเรามีนักกีฬารุ่นใหม่หน้าใหม่เพิ่มขึ้นและได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนมากขึ้น และทำให้ผู้บริหารคณะกรรมการพาราลิมปิกทั่วโลกให้ความสำคัญ และเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยมากขึ้น และเชิญประเทศไทยให้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันรายการต่างๆ ทำให้คิดว่ามันเป็นทิศทางที่ดี และถือว่าเป็นความสำเร็จร่วมกันของพวกเราครับ
สำหรับในปี 2019 เราจะไม่มีมหกรรรมกีฬาใหญ่ขึ้น ถึงแม้ว่าในปีนี้ จะมีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ที่ ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งความจริงแล้ว ฟิลิปปินส์ ต้องจัดการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ในปีเดียวกัน แต่ทางเจ้าภาพ ได้ขอเลื่อนไปจัดการแข่งขันในต้นปีหน้า (2020) แต่อย่างก็ดีเราได้มีการพัฒนานักกีฬาของอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เราได้ส่งนักกีฬาออกไปแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมพาราลิมเกมส์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดการแข่งขันรายการต่างๆ ในประเทศหลายรายการ ซึ่งเป็นการพัฒนาและเตรียมพร้อมสำหรับปี 2020 ซึ่งจะมีการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ ซึ่งเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องทำผลงานให้ดีกว่าเมื่อ 3 ปี แล้ว
สำหรับกำหนดการมหกรรมการแข่งขันกีฬาคนพิการ ในระดับนานาชาติ รายการใหญ่ อาทิ "อาเซียนพาราเกมส์" ที่เมืองซูบิค ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 18-25 มกราคม 2563 จัดการแข่งขัน 16 ชนิดกีฬา และ มหกรรมกีฬา "พาราลิมปิก เกมส์ 2020" ที่นครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 25 สิงหาคม - 6 กันยายน 2563 จัดการแข่งขันทั้งสิ้น 22 ชนิดกีฬา ซึ่งผลงานครั้งที่ผ่านมาใน ริโอ เกมส์ ปี 2016 ไทย คว้ามาได้ 6 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง
คลิปวีดีโอ
https://youtu.be/ovrRN2yJqWk