นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดงานมหกรรมเกษตรอินทรีย์ ปี 2562 "เกษตรอินทรีย์ ดินดีวิถีไทย อาหารปลอดภัย สู่การเกษตรยั่งยืน" ณ ศูนย์วิจัยการอนุรักษ์ดินและน้ำ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ว่า นโยบายรัฐบาลและนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดให้การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของประเทศเป็นงานสำคัญที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง เนื่องจากเกษตรอินทรีย์เป็นทางเลือกที่มีศักยภาพในการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน มีความมั่นคงด้านอาหารและความปลอดภัยต่อสุขภาพไม่ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับกระแสความต้องการผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในและต่างประเทศอย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนพัฒนาเกษตรอินทรีย์ให้เป็นไปตามเป้าหมายจะสำเร็จได้ยาก หากขาดการเชื่อมโยงกับภาคีเครือข่ายทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่ โดยการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพนั้น กลไกสำคัญคือการประสานเชื่อมโยงบูรณาทุกภาคส่วนในระดับพื้นที่ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาเกษตรอินทรีย์ให้สำเร็จตามเป้าหมายยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560-2564
การจัดงานมหกรรมเกษตรอินทรีย์ ระหว่างวันที่ 27-28 เมษายน 2562ณ ศูนย์วิจัยการอนุรักษ์ดินและน้ำ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างโอกาสให้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และสถาบันการศึกษา ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้ด้านการผลิต การจัดการผลผลิต การแปรรูป การตลาด และการบริโภค ซึ่งนำไปสู่การทำงานขยายผลตามแนวทางนโยบายเกษตรอินทรีย์ผ่านทางกิจกรรมต่างๆภายในงาน อาทิ การบรรยายพิเศษ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาองค์ความรู้และวิสัยทัศน์ของเกษตรอินทรีย์ การเปิดเวทีเสวนาเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ และระดมความคิดเห็นของทุกภาคส่วน เช่น กลุ่มต้นแบบเกษตรอินทรีย์ต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมนิทรรศการเกษตรอินทรีย์ ที่จัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์อย่างเป็นระบบ และการศึกษาดูงานพื้นที่เกษตรอินทรีย์ตัวอย่าง ซึ่งการสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์นั้น เป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการส่งเสริมกลุ่มเกษตรอินทรีย์ที่มีความพร้อมเป็นผู้นำต้นแบบในการดำเนินการ เพื่อให้มีอาหารปลอดภัยและได้มาตรฐาน โดยเป็นการสร้างโอกาสให้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยที่มีคุณภาพและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติได้
"ปัจจุบันทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการหยุดการชะล้างหน้าดิน สร้างความมั่นคงทางอาหาร การยกระดับภาวะโภชนาการและขจัดความหิวโหยตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) ดังนั้น ทุกภาคส่วนของไทยจึงต้องร่วมมือกันสนับสนุนการทำเกษตรกรรมยั่งยืน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการผลิตอาหารสำหรับการบริโภคของประชาชนโดยน้อมนำศาสตร์พระราชาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานแนวพระราชดำริในการป้องกัน แก้ไข และพัฒนาทรัพยากรดิน น้ำป่าไม้ มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้เกิดการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน และผลิตอาหารปลอดภัยให้ลูกหลาน" นายวิวัฒน์ กล่าว