ช. การช่างพร้อมลุยประมูลเมกะโปรเจกต์ในและต่างประเทศ มั่นใจธุรกิจแกร่งจากกลยุทธ์ผนึกกำลังบริษัทในเครือ เดินหน้าสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ

อังคาร ๓๐ เมษายน ๒๐๑๙ ๑๔:๒๖
โชว์ผลประกอบการปี 61 มั่นคงต่อเนื่อง 3.1 หมื่นล้าน กำไรสุทธิ 2,494 ล้านบาท พร้อมเลื่อนอันดับทริสเรตติ้งเป็น A สูงสุดครั้งแรก

ช. การช่างเผยทิศทางธุรกิจปี 62 มุ่งเตรียมความพร้อมจากความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ธุรกิจจากการผนึกกำลังของบริษัทภายในเครือ ผนวกความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างที่หลากหลาย ตลอดจนโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนสูง พร้อมเดินหน้าประมูลโครงการใหญ่ ทั้งโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคในต่างประเทศ ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานครบวงจรระดับภูมิภาคบนการส่งเสริมการสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจในทุกมิติ ทั้งยังได้รับการเลื่อนอันดับจากทริสเรตติ้งเป็น A สูงสุดครั้งแรกของบริษัท มั่นใจอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างเติบโตดีใน 2-3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้ารายได้ปี 62 ที่ 25,000 – 30,000 ล้านบาท และโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่าสำหรับในปี 2562บริษัทฯ จะยังคงมุ่งไปที่การเตรียมความพร้อมความแข็งแกร่งของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ จากการผนึกกำลังของบริษัทต่าง ๆ ในเครือซึ่งต่างเป็นผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งระบบราง ถนน พลังงานและประปา ประกอบด้วย บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) ซึ่งสามารถสร้างรายได้และปันผลสม่ำเสมอให้แก่บริษัทฯ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยบริหารความเสี่ยงและสร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจให้แก่ช.การช่างอย่างมีเสถียรภาพ ท่ามกลางความผันผวนที่เกิดจากวงจรธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ตอกย้ำศักยภาพการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานครบวงจรระดับภูมิภาคที่พร้อมจะเข้าร่วมประมูลงานโครงการต่างๆ ของภาครัฐทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างที่หลากหลาย ตลอดจนโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนสูง

นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ณ สิ้นปี 2561 บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) มูลค่า 48,965ล้านบาทในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณ 25,000-30,000 ล้านบาทท่ามกลางแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้างในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยบริษัทมุ่งเน้นงาน โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อมที่จะออกประมูล รวมถึงโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 1.77 ล้านล้านบาท เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ระหว่างกรุงเทพฯ-นครราชสีมา มูลค่า 179,412 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์ มูลค่า 143,000 ล้านบาท โครงการทางสายพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนองมูลค่า 30,437 ล้านบาท โครงการมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา วงเงินลงทุน 84,600 ล้านบาท สายบางใหญ่-กาญจนบุรี 55,620 ล้านบาท รถไฟทางคู่เฟส 2 9 เส้นทาง มูลค่ารวม 397,084 ล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 224,544.36 ล้านบาทโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภามูลค่า 200,000 ล้านบาทเป็นต้น สำหรับโครงการในต่างประเทศ ซึ่งจะเน้นโครงการในแถบโซนเอเชียและบริษัทจะเน้นในด้านการประมูลงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆที่มีความเสี่ยงน้อยและผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยบริษัทในกลุ่มกำลังดำเนินการศึกษาแนวทางในการลงทุนและ ช.การช่างพร้อมมารับงานก่อสร้าง ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางด่วนย่างกุ้งในประเทศเมียนม่าร์ มูลค่า 400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และ โครงการพัฒนาระบบน้ำประปาในประเทศศรีลังกา รวมถึงโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาว ซึ่งบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) กำลังเจรจากับรัฐบาลลาวอยู่ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าเร็วๆนี้

ในปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 31,176 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 2,494 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ร้อยละ7.92 ซึ่งเป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้

นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทยังได้รับการปรับอันดับเครดิตจากทริสเรตติ้งเพิ่มเป็น เป็น "A" จาก A- แนวโน้ม Stable สะท้อนความเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ขยายลงทุนในกลุ่มบริษัท หนุนรายได้และผลตอบแทนที่ดี ลดความเสี่ยงความผันผวนอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง ด้านหนี้สินลดลง นอกจากนี้บริษัทยังได้รับรางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านความยั่งยืน Thailand Sustainability Investment 2018 (THSI) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) อยู่ในเกณฑ์ดีเลิศ เป็นที่ 4 ติดต่อกัน และยังได้รับรางวัลยอดเยี่ยม ประเภทรางวัลบริษัทจดทะเบียนนักลงทุนสัมพันธ์ (Best Investor Relations Awards) ในงาน SET Awards 2018 ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและวารสารการเงินธนาคาร ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งการันตีถึงความเชื่อมั่นที่ตลาดหลักทรัพย์และนักลงทุนมีให้กับช.การช่าง

สำหรับโครงการต่างๆที่กำลังดำเนินการ มีความคืบหน้าน่าพอใจทุกโครงการ โดย ณ เดือนเมษายน 2562 มีรายละเอียด ดังนี้

โครงการเขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว มูลค่า 135,000 ล้านบาท – ความคืบหน้าร้อยละ 93 โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2562

โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ส่วนต่อขยาย) สัญญา 2 ความคืบหน้า ร้อยละ 99

โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ส่วนต่อขยาย) สัญญาที่ 6 ความคืบหน้า ร้อยละ 60

โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) สัญญาที่ 1, 2 และ 5 มีความคืบหน้าร้อยละ 20

ช.การช่าง ยังคงยืนหยัดบนการดำเนินธุรกิจด้วยการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติของธุรกิจ บนแนวคิดการบริหาร The Power of Synergyซึ่งเป็นการผสานจุดแกร่งจากธุรกิจในเครือของบริษัทเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ สามารถบริหารความเสี่ยงจากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและรายได้จากการลงทุนในธุรกิจสัมปทานโครงสร้างพื้นฐานผ่านบริษัทในเครือ เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้แก่บริษัท

ขณะเดียวกันบริษัทยังมุ่งสนับสนุนการดำเนินโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ กิจกรรม CSR ที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน สังคม ทั้งการใช้ศักยภาพด้านงานช่างและวิศวกรรมในการสร้างสรรค์กิจกรรม และการสนับสนุนทุนทรัพยด้านต่างๆ รวมทั้งมีการปกป้องดูแลสิ่งแวดล้อมในการปฏิบัติงานเพื่อลดผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจซึ่งจะเห็นได้ว่าการดำเนินเนินธุรกิจของช.การช่างนั้นล้วนมุ่งไปสู่การสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร ชุมชนและประเทศชาติ เกิดการเติมเต็มวงจรแห่งความยั่งยืนในทุกมิติธุรกิจอย่างแท้จริง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ