โดยผลการคัดเลือกจาก 10 กว่าผลงานที่เข้าร่วมประกวดโครงการดังกล่าว มีผู้ประกอบการ 3 รายที่ได้รับรางวัล (Top 3 Beauty Innovation) ในครั้งนี้ ได้แก่
1.รางวัลชนะเลิศ บริษัท One-Stop Service OEM/ODM จากผลงาน "Morning & Night Cleansing" คลีนซิ่งที่ใช้ได้ทั้งสองช่วงเวลาในกระปุกเดียว ใช้งานง่าย พกพาสะดวก ควบคุมปริมาณการใช้ต่อครั้งได้ดี โดย Morning Cleansing ทำความสะอาดและบำรุงผิวหน้าด้วยวิตามิน ทำให้ผิวหน้าสดชื่นพร้อมรับการตกแต่งในยามเช้า ส่วน Night Cleansing สำหรับชำระล้างเครื่องสำอางได้อย่างหมดจด สะอาด ปลอดภัย ไม่มีสารตกค้าง ช่วยให้ใบหน้าสะอาดรับความสบายในยามค่ำคืน
2.รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 บริษัท BIC Chemical แบรนด์ dhavi (ดาวี่) จากผลงาน "RED JASMINE RICE EXTRA REJUVENATING SERIES" ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าจากสารสกัดข้าวหอมมะลิสีแดง ผลงานการวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีคุณสมบัติลบเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่น ปรับความไม่สม่ำเสมอของสีผิว ลดขนาดรูขุมขน ลบเลือนรอยแดงบนใบหน้า ลบเลือนจุดด่างดำบนใบหน้า และ ลบเลือนกระฝ้าจากการสะสมของเมลานิน
3.รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 บริษัท Gemini Organic & Natural Care จากผลงาน "สบู่ล้างหน้าซูเปอร์ฟู้ด" พัฒนาไขมันธรรมชาติของเมล็ดโกโก้ผลิตเป็นสบู่ที่ให้ความชุ่มชื้น มีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ เพิ่มทางเลือกดูแลผิวด้วยความโดดเด่นที่แตกต่างกันถึง 4 รูปแบบ ทั้ง Spirulina Detoxifying, Perilla-Chia, Tri-Color Quinoa และ Maca Cacao Vitality
ทั้งนี้ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับสิทธิ์เข้าเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าความงามระดับโลก Cosmoprof Asia 2019 ที่ประเทศฮ่องกง และได้รับสิทธิ์ใช้บริการงานวิจัย วิเคราะห์ ทดสอบ เพื่อพัฒนาคุณค่าผลิตภัณฑ์กับ วว. มูลค่า 1 แสนบาท รวมทั้งผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และ 2 ได้รับสิทธิ์ มูลค่า 6 หมื่นบาท และ 4 หมื่นบาท ตามลำดับ โดยผลงาน Top 3 Beauty Innovation จะเป็นเครื่องหมายยืนยันถึงศักยภาพระดับผู้นำในตลาดเครื่องสำอางไทยและจะเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับผู้ประกอบการเครื่องสำอางรายอื่น ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย พร้อมชูจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ความเป็นประเทศไทย เพื่อก้าวสู่เวทีความงามของโลกต่อไป
"….สำหรับผู้ประกอบการที่ชนะเลิศ ซึ่งจะได้เข้ามาร่วมทำงานวิจัยเพื่อพัฒนาคุณค่าผลิตภัณฑ์กับ วว. นั้น จะทำให้ท่านมีความเข้มแข็งและได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้นในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจาก วว. เป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมและความเชี่ยวชาญในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เราสามารถช่วยท่านพัฒนาสูตรและวิเคราะห์ทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของนวัตกรรมเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐานระดับสากล ได้แก่ การทดสอบประสิทธิภาพของเวชสำอาง เช่น ทดสอบฤทธิ์ชะลอวัยและต้านริ้วรอย ทดสอบฤทธิ์การรักษาแผลเป็น ทดสอบฤทธิ์ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ทดสอบฤทธิ์ขจัดไขมันส่วนเกิน ทดสอบฤทธิ์ช่วยให้ผมดำ ประสิทธิภาพการซึมผ่านผิวหนัง การทดสอบการระคายเคืองโดยใช้เซลล์ เป็นต้น นอกจากนี้ วว. ยังมีเครื่องมือสำหรับพัฒนานวัตกรรมเครื่องสำอาง ได้แก่ เครื่องปั่นผสมภายใต้ความดันสูง เครื่องเตรียมนาโนแคปซูล เครื่องผสมในระดับ 20-50 ลิตร และเครื่องวัดการซึมผ่านผิวหนัง เป็นต้น
วว. มุ่งเป็นองค์กรบริการด้านการวิจัยและพัฒนาแก่ผู้ประกอบการ ทั้งในระดับ SMEs ผู้ผลิตสินค้า OTOP วิสาหกิจชุมชน ตลอดจนเกษตรกร (STI total service solution) เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิต ปิดช่องความเสี่ยงงานวิจัยจากหิ้งสู่ห้าง สร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเศรษฐกิจสังคมของประเทศ ดังนั้นผู้ประกอบการท่านอื่นๆ ที่สนใจพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหรือเวชสำอาง สามารถเข้ามาใช้บริการต่างๆ ของ วว.ได้ เรามีความยินดีพร้อมนำองค์ความรู้ที่เชี่ยวชาญช่วยพัฒนาและเสริมแกร่งให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างเต็มที่…" ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวสรุป
ผู้สนใจติดต่อขอรับบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจาก วว. ได้ที่ โทร. 0 2577 9000 โทรสาร 0 2 577 9009 อีเมล [email protected] Line@TISTR www.tistr.or.th