เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เปิดตัวโรงเรียนแห่งใหม่ และคอร์สการจัดการธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร ตอบโจทย์เจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่

ศุกร์ ๑๐ พฤษภาคม ๒๐๑๙ ๑๔:๕๘
มร. อังเดร เจ คอยน์โทร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ

อินเตอร์เนชั่นแนล บินตรงจากฝรั่งเศสสู่ไทยเพื่อร่วมกับ นายชนินทธ์ โทณวณิก รองประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ในการฉลองงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ หลังทุ่มทุนกว่า 300 ล้านบาท เนรมิตพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ของชั้น 17-19 อาคาร เซนเวิลด์ ทาวเวอร์ ศูนย์การค้า เซนทรัล เวิลด์ ถนนราชดำริ เป็นโรงเรียนสอนทำอาหารที่ครบครันและทันสมัยที่สุดในภูมิภาค

"ด้วยโรงเรียน ที่เปิดสอนกว่า 35 แห่งทั่วโลก เรามีความยินดีที่กลับมากรุงเทพฯ อีกครั้ง เพื่อเปิดโรงเรียนแห่งใหม่ ใจกลางเมืองในย่านธุรกิจการค้า ทำเลยุทธศาสตร์แห่งนี้จะเป็นส่วนสำคัญให้นักเรียนเกิดแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ทั้งจากร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงแรมและสถานที่สำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น จากประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้าน หรือ ระดับ ประเทศ" มร. คอยน์โทรกล่าว

เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต แห่งใหม่ ได้คงจุดเด่นของโรงเรียนเอาไว้ ทั้งในเรื่องการตกแต่งโรงเรียน การวางแผนผังห้องเรียนและห้องปฏิบัติการครัว โดยความแตกต่างที่สำคัญคือสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์อันทันสมัย ที่การันตรีได้ว่านักเรียนทุกคนจะได้เริ่มต้นเส้นทางในอาชีพทำอาหารด้วยประสบการณ์ที่ดีที่สุด ซึ่งนอกจากสภาพแวดล้อมที่สวยงามแล้ว เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ยังคงเน้นย้ำและให้ความสำคัญกับความเป็นเลิศในด้านการศึกษาและการฝึกอบรมการทำอาหาร

มร. คอยน์โทร กล่าวว่า "คุณภาพของเชฟผู้สอนเป็นสิ่งที่สร้างคุณภาพของสถาบัน เลอ กอร์ดอง เบลอ ทุกแห่งทั่วโลก โดยทุกคนล้วนเป็นเชฟที่มีประสบการณ์และมุ่งมั่นถ่ายทอดเทคนิคการทำอาหารชั้นสูง เพื่อให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จบนเส้นทางการก้าวสู่การเป็นเชฟมืออาชีพ"

นอกจากนี้ในงานเฉลิมฉลองในโอกาสเปิดโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต แห่งใหม่ เชฟโรดอล์ฟ โอนโน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและการเรียนการสอน ร่วมกับคุณโย่ง อาร์มแชร์ นักเรียนปัจจุบันหลักสูตรประกาศนียบัตรการประกอบอาหารคาวชั้นสูง ยังได้ร่วมกันโชว์การสาธิตการทำอาหารฝรั่งเศสเมนู แซลมอนกราเวแล็กซ์ (Salmon Gravelax) เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดซาวครีม และการรังสรรค์ผลงานน้ำตาลสุดประณีตโดยเชฟฟาบรีส ดาเนียล เชฟรับเชิญพิเศษจาก ดลอ กอร์ดอง เบลอ ปารีส รวมถึงงานช็อกโกแลตโดยเชฟเฟร็ดเดอริก เลอกราส์ และเชฟนิรัช โชติวัชร เชฟผู้สอนวิชาการประกอบขนมอบ นอกเหนือจากการดูแลนักเรียนเป็นอย่างดีตามคติ L 'Art de Vivre หรือ สุนทรียแห่งการใช้ชีวิตที่แสนประณีตตามแบบฉบับฝรั่งเศสและอาหารไทยรับดับมือชีพแล้ว เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ยังมองหาแนวทางใหม่โดยการขยายโปรแกรมเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมอาหารอีกด้วย

"วันนี้เราได้เปิดตัวโปรแกรมการจัดการด้านอาหารชั้นสูง หรือ the Advanced Culinary Management Programme เพื่อตอบสนองความต้องการที่จะเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการทำอาหาร มร. คอยน์โทร ประกาศและกล่าวต่อไปว่า "โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อให้นักเรียนมีทักษะที่จำเป็นในการพัฒนาและดำเนินธุรกิจของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะในอุตสาหกรรมอาหารธุรกิจใหม่จำนวนกว่าร้อยละ 60 ปิดตัวลงหลังจากปีแรก และร้อยละ 80 ต้องปิดลงภายใน 5 ปี" โปรแกรมการจัดการด้านอาหารขั้นสูง (The Advanced Culinary Management Programme) ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีธุรกิจร้านอาหารเป็นของตนเอง โดยในประเทศไทยนั้น ธุรกิจร้านอาหารมีมูลค่าประมาณสูงถึง 415,000 ล้านบาทต่อปี

มร. อังเดร เจ คอยน์โทร เปิดเผยถึงข้อมูลเกี่ยวข้องของธุรกิจร้านอาหารที่น่าสนใจว่า ปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีความต้องการที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจมากกว่าเป็นพนักงานขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง โดยพฤติกรรมนี้ได้ส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจอาหาร ดังจะเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของนักเรียน เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ที่อยู่ในช่วงอายุ 20-25 ปี ที่มีอัตราเพิ่มขึ้นมากถึง 30% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เมื่อประกอบกับเทรนด์การเรียนทำอาหารของคนยุคปัจจุบัน ที่เป็นอีกเทรนด์สำคัญของโลกจากปัจจัยการหันมาดูแลสุขภาพ ความนิยมในอาหารโฮมเมด อาหารคลีน รวมไปถึงความต้องการพัฒนาทักษะด้านการทำอาหารที่ถูกยกระดับให้เป็นทักษะที่ได้รับการยอมรับทางสังคมก็จะทำให้คนที่อยู่ในช่วงวัย 20-25 ปี หลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจอาหารมากขึ้น

ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันที่รุนแรง จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่บีบให้ต้องแข่งขันกันทางด้านราคาและการสร้างความน่าสนใจ ขณะที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับทั้งต้นทุนที่สูงและการรักษามาตรฐานความนิยมเอาไว้ ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารไม่อาจหยุดนิ่งอยู่กับที่ เป็นที่มาของการสร้างหลักสูตรใหม่ของ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต "เราสามารถพูดได้ว่าหลักสูตรวิชาการจัดการธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร ของเราให้ความสำคัญกับทั้งรสชาติและการบริหารจัดการไปควบคู่กันจึงจะประสบผลสำเร็จ"

นายชนินทธ์ โทณวณิก ให้ความเห็นถึงธุรกิจร้านอาหารของประเทศไทยว่า ในปี 2562 ธุรกิจร้านอาหารของไทยจะยิ่งทวีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงไม่มีความแน่นอน ซึ่งผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการทำธุรกิจเท่านั้นจึงจะยืนหยัดอยู่ได้ภายใต้สถานการณ์การแข่งขันนี้ โดยประเภทร้านอาหารของไทยที่แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ร้านอาหารที่เป็นเครือข่ายธุรกิจ (chain restaurant) ที่มักจะอยู่บนห้างสรรพสินค้า กับสแตนด์อโลน (stand-alone restaurant) ที่เป็นร้านอาหารขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ก็มีการแข่งขันที่แตกต่างกันออกไป และมีวิธีการดำเนินการทางธุรกิจที่แตกต่างออกไปด้วย

"ปัญหาที่มักจะพบในธุรกิจร้านอาหารซึ่งส่งผลต่อความสำเร็จหรือนำไปสู่การปิดกิจการ คือ การควบคุมต้นทุน การรักษารสชาติและการบริการที่ตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค 3 สิ่งนี้เท่านั้นที่จะตัดสินว่าร้านอาหารใดจะได้รับการยอมรับและคงอยู่ในธุรกิจได้" นายชนินทธ์กล่าว ได้กล่าวเสริมอีกว่า "หลักสูตรนี้จัดทำขึ้นเพื่อเสริมสร้างทักษะการบริหารจัดการที่ครอบคลุมตั้งแต่การวิเคราะห์และวางแผนธุรกิจร้านอาหาร การวางคอนเซ็ปต์เมนู การสร้างแบรนด์และการตลาด การควบคุมต้นทุน ควบคู่ไปกับการฝึกฝนด้านการจัดการครัวอย่างมีประสิทธิภาพ"

นักเรียนในหลักสูตรวิชาการจัดการธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร จะได้เน้นการฝึกปฏิบัติทำแผนธุรกิจเสมือนการเป็นเจ้าของร้านอาหารที่กำลังจะเริ่มต้นหรือขยายกิจการ และเรียนรู้จากประสบการณ์และมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในแวดวงธุรกิจอาหาร หลักสูตรนี้ยังได้เปิดสอนที่ เลอ กอร์ดอง เบลอ ปารีส และลอนดอน ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มคนรุ่นใหม่จากทั่วทุกมุมโลกที่ใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร"

ด้านนางสาวสุชาดา สถาปิตานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เปิดเผยว่า "นอกจากการเปิดหลักสูตรใหม่แล้ว เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ยังปรับกลยุทธ์ในการบุกตลาดต่างประเทศผ่านเอกลักษณ์ของอาหารไทยอันเป็นอีกหนึ่งแผนธุรกิจที่สำคัญของปี 2562 นี้อีกด้วย เนื่องจาก เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เป็นสถาบันสอนทำอาหารแห่งแรกในเครือข่าย เลอ กอร์ดอง เบลอ ที่เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการครัวไทย ซึ่งเป็นอาหารที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนนักเรียนต่างประเทศขึ้น จาก 20% เป็น 30% ภายในปี 2563 โดยเฉพาะนักเรียนในกลุ่ม AEC ซึ่งจะใช้ข้อได้เปรียบของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และค่าครองชีพที่มีราคาถูกกว่าประเทศอื่น ๆ ในการดึงดูดนักเรียนต่างชาติ"

นางสาวสุชาดากล่าวเสริมว่า "ด้วยพื้น ที่ของโรงเรียนแห่งใหม่ ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมจาก 2,000 ตารางเมตร เป็น 3,000 ตารางเมตร ทำให้เลอ กอร์ดองเบลอ ดุสิต สามารถรองรับนักเรียนในหลักสูตรหลักของโรงเรียนได้เพิ่มขึ้น ประมาณ 600 คนต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการและเทรนด์ของตลาด"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๕๕ ดร.เอ้ สุดยอดผู้นำด้าน AI เชื่อมั่น รพ.พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จะปฏิวัติการแพทย์ไทย ด้วย AI พร้อมความตั้งใจอันแน่วแน่
๐๙:๐๓ รมว.นฤมล ผลักดันกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR)
๐๙:๑๖ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ สภากาชาดไทย ชวนร่วมบริจาคโลหิต 26 ธันวาคมนี้ ชั้น 7 โซน A เพิ่มโลหิต เพิ่มชีวิต
๐๙:๔๗ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม!! ลงพื้นที่เร่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างชีวิตแก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน
๐๙:๕๕ มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ส่งมอบอาคารโรงอาหารอายิโนะโมะโต๊ะ ให้แก่ โรงเรียนบ้านดอนมะกอก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๐๙:๐๕ กทม. เข้มงวดโครงการก่อสร้างคอนโดฯ ในซอยสุขุมวิท 93 ปฏิบัติตามมาตรการ EIA
๐๙:๕๐ การเคหะแห่งชาติตั้งเป้าสร้างที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุ
๐๙:๒๘ ทำอย่างไรจึงจะทำให้มีการใช้ generative AI มากขึ้น
๐๙:๔๐ NocNoc จับมือ กฟผ. ส่งความสุขปีใหม่ให้คนรักบ้าน มอบส่วนลดสินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 500 บาท เมื่อช้อปผ่าน NocNoc Chat Shop ทัก-ช้อป-ลด เริ่ม 25 ธ.ค. 67
๐๙:๑๔ Warrior ตั้ม ศุภกิตติ์ หรือ ตั้ม โทมัส ทอม จากทีมมาสเตอร์ ดร.อั้ม อธิชาติ คว้าชัย The Social Warrior คนแรกของประเทศไทย