นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้ส่งออกรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรส และน้ำจิ้ม รวมทั้ง เครื่องแกง เครื่องประกอบอาหารไทย เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 1/2562 เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนหน้าทั้งรายได้และกำไร โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า 302.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.06 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 268.16 ล้านบาท เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายสินค้าในกลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ
โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ มาจากสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้ม มีสัดส่วนประมาณ 84.3% ของยอดขายทั้งหมด รองลงมา คือ กลุ่มเครื่องแกงเครื่องประกอบอาหารไทย กลุ่มสินค้าอื่นๆ กลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานอาหาร และกลุ่มเครื่องดื่ม
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 40.17% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 35.71% มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนการขายสินค้าในกลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ การลดลงของราคาน้ำตาลทรายและกระเทียม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ประกอบกับการปรับขึ้นราคาขายสินค้าเมื่อไตรมาส 3/2561 ที่ผ่านมา สนับสนุนให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 67.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.01% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 46.03 ล้านบาท
ยอดขายสินค้าส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินบาท มีสัดส่วน 73.8% สกุลเงินยูโร 6.4% และสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 19.8% ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เปลี่ยนสกุลเงินที่ใช้ในการซื้อขายกับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นสกุลเงินบาท ซึ่งจะเริ่มเห็นผลแล้วในไตรมาส 1/2562 นี้ และคาดว่าภายในปี 2562 สัดส่วนยอดขายสกุลเงินบาทจะอยู่ที่ 70 – 75% ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนลง
"ภาพรวมผลงานไตรมาส 1/2562 ที่ออกมาเติบโตอย่างน่าประทับใจ และมองแนวโน้มไตรมาส 2/2562 เติบโตต่อเนื่องได้ สนับสนุนเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 10 – 15% ขณะที่กำไรมีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดใหม่ จากการปรับขึ้นของราคาขายสินค้า การรุกตลาดใหม่ เพื่อเพิ่มช่องทางการขาย และการเปิดตัวสินค้ากลุ่มซอสและน้ำจิ้ม ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มหลัก มีอัตรากำไรสูง เรายังได้เริ่มขยายช่องทางการนำเสนอสินค้าผ่านตลาดออนไลน์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี อีกทั้ง อาหารไทยได้รับความนิยมเป็น Mega Trend ของโลก นี่จึงเป็นโอกาสที่ใหญ่มาก ในการนำเสนอซอสไทย จากผู้ผลิตไทย ด้วยสินค้าคุณภาพสูง ได้รับรางวัล และมาตรฐานสากล พร้อมชิงส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มขึ้นได้" นายจิตติพร กล่าว