นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2562 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,617.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,479.02 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 460.57 ล้านบาท เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ของหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 กำลังการผลิตจำนวนรวม 28 เมกะวัตต์ที่ได้ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ช่วงปลายปีก่อน
และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะอุตสาหกรรม จ.สระแก้ว ของบริษัท กรีน พาวเวอร์ เอ็นเนอร์จี จำกัดเข้ามาสนับสนุน โดยปัจจุบัน SUPER มีสัญญาซื้อขายไฟทั้งหมดกว่า 777.6 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2/62 จะเริ่มเห็นพัฒนาการที่สำคัญของ SUPER จากการเริ่มทยอย COD โซลาร์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตรวมประมาณ 236.72 เมกะวัตต์ ซึ่งในปลายเดือนมิถุนายนนี้ จะเริ่ม COD ประมาณ 200 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ จะเริ่ม COD เฟสแรกในไตรมาส 3/62
"มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และคาดว่ายอด COD โรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศของบริษัทฯจะอยู่ที่ 1,000 เมกะวัตต์ ตามแผนงานที่วางไว้ ผลักดันรายได้ และกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯ"
ประธานคณะกรรมการ SUPER กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังคงมองหาโอกาสขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนในอาเซียน ตามแผนงานที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนร่วมกับพันธมิตร และการเข้าซื้อกิจการ(M&A) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศมาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ขณะที่การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (Super Energy Power Plant Infrastructure Fund หรือ SUPEREIF ) มูลค่าประมาณ 8,300 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการจัดตั้งได้ตามแผน