นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด(มหาชน)หรือ NCL ผู้ให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์ครบวงจร (Logistics Solution Provider) เปิดเผยว่า กรณีสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาทวีความขัดแย้ง ภายหลังประเทศจีนออกมาตรการตอบโต้ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ มูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐนั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจให้บริการขนส่ง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ เนื่องจากมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐยังมีความแข็งแกร่ง และข้อสำคัญถึงจะมีข้อขัดแย้งระหว่างกัน แต่ทั้ง 2 ประเทศ ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีการค้าระหว่างกัน
ทั้งนี้ บริษัทฯได้เปิด 5 บริษัทย่อยเพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกา เวียดนาม อินโดนีเซีย เมืองชิงเต่าและเมืองนิงโบในประเทศจีน ครอบคลุมการให้บริการมากกว่า 180 ประเทศทั่วโลก โดยพบว่าแนวโน้มของธุรกิจในแต่ละประเทศไม่ได้ลดลง โดยเฉพาะการให้บริการในอเมริกา แม้จะใช้อัตราภาษีที่ระดับ 10% แต่กลับพบว่าแนวโน้มของปริมาณการนำเข้าและส่งสินค้าไปยังอเมริกากลับเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะมีส่วนผลักดันให้รายได้ในส่วนของ NCLอเมริกา เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 2/2562
ธุรกิจให้บริการขนส่งระหว่างประเทศไม่ได้ชะงักหรือรับผลกระทบจากข้อกังวลสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา พิจารณาได้จากรายได้จากการให้บริการขนส่ง และเป็นธุรกิจหลักของNCL ในงวดไตรมาส 1/2562 มีจำนวน 298.16 ล้านบาท เติบโต 14.13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
เมื่อรวมกับรายได้จากการขาย ซึ่งเกิดจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำยาล้างไตและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด จำกัด(GWM)อีก 28.32 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวมในงวดไตรมาส 1/2562 จำนวน 326.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.52 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรขั้นต้นรวม 69.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ในงวดไตรมาส 1/2562 นี้ บริษัทฯยังมีผลขาดทุนสุทธิ 8.12 ล้านบาท คิดเป็น 2.49% ของรายได้จากการให้บริการและรายได้จากการขาย เนื่องจากบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นรวม 16.86 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการเปิด 5 บริษัทย่อยในต่างประเทศ ซึ่งอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นดำเนินการ และการขยายงานของGWM แต่คาดว่าเมื่อธุรกิจดำเนินเต็มกำลังตามเป้าหมาย จะส่งผลบวกต่อบริษัทฯในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก 7.45 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการปรับโครงสร้างสินทรัพย์ในส่วนของบริษัท เอสเอสเค อินเตอร์ โลจิสติกส์ จำกัด(SSK) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย
"หากพิจารณาเฉพาะกิจการของบริษัท มีทิศทางที่ดี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจให้บริการขนส่ง หรือแม้แต่ธุรกิจจำหน่ายเครื่องเวชภัณฑ์ของGWM แต่เนื่องจากบริษัทฯมีค่าใช้จ่ายเพื่อลงทุนช่วงเริ่มต้นของการดำเนินงาน และเมื่อธุรกิจดำเนินเต็มกำลังตามเป้าหมาย จะส่งผลบวกต่อผลประกอบการของบริษัทฯในอนาคต และค่าใช้จ่ายดังกล่าว คาดจะกระจุกตัวในช่วงต้นปีนี้ และหลังจากนี้จะค่อย ๆ ลดลง และเชื่อมั่นว่าผลประกอบการทั้งปีจะเป็นบวกได้"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NCL กล่าวทิ้งท้าย