นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอย่างต่อเนื่องด้วยการนำดิจิทัล เทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า รวมถึงการพัฒนาระบบการโอนเงินระหว่างประเทศผ่าน K PLUS ซึ่งเป็นการเปิดมิติใหม่ของการโอนเงินรายย่อยไปต่างประเทศ ซึ่งในปี 2561 ที่ผ่านมา มีมูลค่าการโอนเงินต่างประเทศถึงกว่า 650,000 ล้านบาท จำนวนรายการกว่า 8 ล้านรายการ โดยเป็นการโอนผ่านธนาคารกสิกรไทย 150,000 ล้านบาท จำนวน 450,000 รายการ
ในครั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมมือกับพันธมิตรฟินเทคชั้นนำพัฒนาฟีเจอร์โอนเงินไปต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ K PLUS ที่มีกว่า 10.7 ล้านราย พร้อมแก้ไขปัญหาเดิมๆ ที่ลูกค้าเคยเจอ เช่น การไม่ทราบจำนวนเงินและเวลาที่แน่นอนที่ปลายทางได้รับ ต้องไปสาขาและต้องใช้เอกสารประกอบการโอน รวมถึงค่าธรรมเนียมที่มีราคาสูง โดยเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักคือ กลุ่มที่โอนเงินซื้อของจากต่างประเทศ กลุ่มชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย และกลุ่มพ่อแม่ที่ส่งลูกเรียนต่างประเทศ ที่มักจะโอนเงินไปต่างประเทศวงเงินไม่สูง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วกลุ่มนี้มักโอนเงินอยู่ที่ประมาณ 100,000 – 200,000 บาท/รายการ
ปัจจุบัน ลูกค้าสามารถโอนเงินไปต่างประเทศผ่าน K PLUS ได้ 6 สกุลเงิน ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) ดอลลาร์ฮ่องกง (HKD) ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และยูโร (EUR) ไปยังกว่า 20,000 ธนาคาร 77,000 สาขาใน 24 ประเทศทั่วโลก และจะเพิ่มจำนวนสกุลเงินและประเทศปลายทางในเฟสถัดไป โดยลูกค้าสามารถโอนได้สูงสุด 49,999 ดอลลาร์สหรัฐ/ครั้ง/วัน ไม่มีขั้นต่ำในการโอน และโอนได้ 5 วัตถุประสงค์ คือ ค่าสินค้า ค่าที่ปรึกษา ค่าใช้จ่ายนักเรียน นักศึกษา รายได้ส่งกลับของแรงงาน และส่งเงินให้ครอบครัวที่มีถิ่นพำนักถาวรในต่างประเทศ
สำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้บริการนี้สามารถใช้ได้เมื่ออัปเดต K PLUS เป็นเวอร์ชันล่าสุด และเพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าใช้งานผ่าน K PLUS ธนาคารได้จัดโปรโมชัน ฟรีค่าธรรมเนียมการโอนตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. – 15 ก.ค. 62 นี้ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง