นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า "เรามีความภูมิใจอย่างมาก ที่เราได้สร้างลักชูรี่เอาท์เล็ตในระดับสากลจากฝีมือคนไทยเป็นที่แรกในประเทศไทย เพื่อเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ในการเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้ง เติมเต็มประสบการณ์ การท่องเที่ยวของประเทศให้ทัดเทียมกับประเทศชั้นนำของโลกทั่วโลก โดยล่าสุดความคืบหน้าของ การก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จไปกว่า 70% และเตรียมเปิดจองพื้นที่ขายเฟสที่ 2 เนื่องจากผลตอบรับที่ดีมากจากเฟสที่ 1 สามารถปิดการขายพื้นที่ได้แล้วเกือบ 100% โดยมีแบรนด์ต่างๆ เลือกมาเปิดช็อปกับเซ็นทรัล วิลเลจเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญคือกว่า 65 แบรนด์ ได้เลือกเปิด Exclusive Outlet Store ที่มีเพียงที่เซ็นทรัล วิลเลจ ที่เดียวเท่านั้น โดยขณะนี้ร้านค้าทั้งหมดอยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิด บูทีคสโตร์ให้ตรงตามกำหนดการเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ตั้งเป้าปีแรกดึงดูดนักช้อปทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาใช้บริการกว่า 10 ล้านคนต่อปี"
และเพื่อเตรียมงานเปิดอย่างเป็นทางการ เซ็นทรัล วิลเลจ เตรียมสร้างแคมเปญการตลาดรองรับกลุ่ม Brand Lover เจาะกลุ่มคนไทยและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่ม Young Affluent ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่กำลังเป็นที่จับตามองของแบรนด์เนมจากทั่วโลก และมีแนวโน้มสูงขึ้นในภูมิภาคเอเชีย มีอายุตั้งแต่ 25-40 ปี ประสบความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว รายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป มีกำลังซื้อสูง กลุ่มเป้าหมายนี้จะมีลักษณะเป็นนักช้อปที่ฉลาด (Smart Shopper) พิจารณาความคุ้มค่าและคุณภาพ มากกว่าความหรูหรา ชอบสินค้าแบรนด์เนมในราคาที่คุ้มค่า (Quality Seeker) อีกทั้งต้องการมอบรางวัลให้ตนเอง (Self-rewarding) และแสดงสถานะของตนเองในสังคม (Status Hunter) การช้อปปิ้งเอาท์เล็ต จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับคนกลุ่มนี้ โดยข้อมูลจาก The 1 เผยว่า ในสมาชิกทั้งหมดของ The 1 มีกลุ่ม Young Affluent อยู่ประมาณ 2 ล้านคน เป็นกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง"
เซ็นทรัล วิลเลจ ยังได้ทีมที่ปรึกษาเป็นบริษัทบริหารเอาท์เล็ตระดับโลกอย่าง The Outlet Company (TOC) ผนวกกับความเชี่ยวชาญของ CPN โดยคอนเซ็ปต์ดีไซน์และการออกแบบได้ใช้สีสันที่นำมาใช้ในโครงการเป็นโทนสีคอปเปอร์หรือทองแดง เพื่อสื่อถึงความหรูหราและความงามตามธรรมชาติ (Luxury, Natural, Prestige) ผสมผสานกับสีเทาเงิน เพื่อสื่อถึงความทันสมัย (Modernization, Sophistication, Innovative) ของคนยุคใหม่ ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมในสไตล์ไทยโมเดิร์น มีการเล่นเส้นสายด้วยหลังคาทรงจั่วของไทย ลดทอนลวดลายให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น แบ่งโซนด้วยการตีความเป็นหมู่บ้านรูปแบบต่างๆ ร้านค้าในโครงการจะถูกเรียกว่า 'บูทีคสโตร์' เพื่อสื่อถึงความหรูหราที่เข้าถึงได้ง่าย ผสานพื้นที่สีเขียวในรูปแบบ Outdoor ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับเอาท์เล็ตชื่อดังอื่นๆ ทั่วโลก
นางสาววัลยา กล่าวทิ้งท้ายว่า "ทั้งในประเทศชั้นนำของโลกต่างๆ อาทิ ประเทศอังกฤษ, ญี่ปุ่น และ ฮ่องกงล้วนแล้วแต่มีเอาท์เล็ตที่เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว สำหรับประเทศไทยเองก็มี เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นหนึ่งในความภูมิใจของประเทศไทยเช่นกัน เพราะที่นี่จะเป็น 'A Must Visit Shopping Destination to Complete Your Trip' จุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวต้องแวะช้อปทุกครั้งก่อนเข้าเมืองหรือเดินทางกลับเข้าสนามบิน ตอบรับเทรนด์การสร้างเมืองสนามบิน (Aerotropolis) เทรนด์ของการพัฒนาเมืองในเขตสนามบินทั่วโลก ให้เกิดขึ้นจริงที่แรกในประเทศไทย ให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์แห่งการช้อปปิ้งแห่งใหม่ของภูมิภาค นับเป็นหนึ่งใน Key Strategic Move ที่ตอกย้ำความเป็นหนึ่งใน Global Player ระดับโลกของเซ็นทรัลพัฒนา ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศต่อไป"
โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ตั้งอยู่ติดสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถเดินทางมาได้สะดวก ด้วยขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้า รถยนต์ส่วนตัว และบริการรถรับส่งจากเซ็นทรัลเวิลด์ สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข และสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นสวรรค์แห่งการช้อปปิ้งแบรนด์เนมในราคาที่ลด 35-70% แบบคาดไม่ถึงได้ทุกวันแห่งแรกและแห่งเดียวในไทย โดยมีบูทีคสโตร์จากแบรนด์ระดับโลกรวมกว่า 235 ร้านค้า อาทิ Polo Ralph Lauren, Kenzo, Vivienne Westwood, CK Jeans, Adidas , Guess, Converse, Superdry, Rip Curl, Roxy, Quiksilver, Samsonite ฯลฯ รวมถึงแบรนด์อุปกรณ์ไอที เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในครัว ของเล่น อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ร่วมด้วยร้านอาหารและโรงแรมชั้นนำ เพื่อมอบปรากฏการณ์ใหม่ให้กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งใน World-Class Shopping Destination ของโลกอย่างแท้จริง