บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ โดยระบุว่า จากการที่ บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) (EKH) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/62 กำไรปกติเท่ากับ 45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.3% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 103.1% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งดีกว่าที่คาดไว้ 50-70% เนื่องจากจากรายได้ที่เติบโตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเพิ่มขึ้น 18.6% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา,เพิ่มขึ้น 43.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงแรงหนุนจากศูนย์ผู้มีบุตรยาก(IVF) ขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก Operating Leverage และอัตรากำไรของศูนย์ IVF ที่สูง ส่งผลให้ EBITDA Margin ขยายตัวอย่างมีนัยยะเป็น 21.7% ในไตรมาสนี้จากระดับ 15.8% และ 15.4% ในไตรมาส4/61 และไตรมาส1/61 ตามลำดับ
ทั้งนี้ กำไรไตรมาส1/62 ของ EKH คิดเป็น 38% ของประมาณการกำไรทั้งปี จึงปรับเพิ่มประมาณกำไรปกติขึ้น 26% เป็น 148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.3% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สะท้อน Upside ที่เกิดขึ้นจากทั้งรายได้และ Margin ที่ขยายตัวดีกว่าที่คาด ขณะที่ศูนย์กุมารเวชที่จะเปิดในช่วงไตรมาส 3/62 คาดว่าจะมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในภาพรวมไม่มาก เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season พอดี ซึ่งมีความต้องการรองรับ ฝ่ายวิจัยจึง ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมจาก 7.60 บาท เป็น 8.40 บาท คงแนะนำ ซื้อ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า EKH รายงานกำไรสุทธิไตรมาส1/62 สูงกว่าประมาณการฝ่ายวิจัย และตลาดคาดไว้ 52% จากรายได้ที่สูงกว่าคาดราว 14% และการควบคุมต้นทุนได้ดีกว่าที่คาดไว้ ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส2/62 ประเมินยังเติบโตอย่างต่อเนื่องจากศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF)
ขณะที่ภาพรวมปี 62 ได้ผลบวกเต็มปีจากการเปิดศูนย์ IVF ที่พระราม 9 ทำให้จำนวนเคสในการรักษาเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งคาดว่ารายได้จาก IVF จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 10% เป็น 15% ประกอบกับแผนในการเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางต่อเนื่อง ได้แก่การขยายพื้นที่ให้บริการศูนย์โรคไตเทียม และการเปิดให้บริการศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ ขณะที่เปิดศูนย์ ตา หู คอ จมูก และศูนย์ทันตกรรมในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งหนุนให้กำไรในปี62 เติบโต 13% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 133 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ด้วยผลประกอบการไตรมาส1/61 ที่ออกมาดีกว่าคาด และคิดเป็น 34% ของผลประกอบการทั้งปี ซึ่งทางฝ่ายวิจัยมองว่ามีโอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการราว 20-25% แนะนำ ซื้อ ด้วยแนวโน้มผลประการที่เติบโตดีต่อเนื่องในปี62 ขณะที่ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 62 เพียง 28 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 30 เท่า โดยเบื้องต้นให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 62 ที่ 7.60 บาท