นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัทในเครือของบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น (Lead Underwriter) ของบริษัท วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VL เปิดเผยว่า หุ้น VL ปิดทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรกที่ 1.75 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เสนอขาย ทั้งนี้บริษัทต้องขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับที่ดี โดย VL มีการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 280 ล้านหุ้น
สำหรับการเข้าระดมทุนในการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ เพื่อลงทุนขยายกองเรือ โดยการลงทุนซื้อเรือดังกล่าวคาดว่าจะเป็นการต่อเรือใหม่ หรือการซื้อเรือมือสองเพื่อนำมาให้บริการ อย่างไรก็ตามยังต้องพิจารณาสถานการณ์ และสภาวะตลาดในขณะนั้นควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มปริมาณการขนส่งรวมต่อปี ทั้งจากการเพิ่มปริมาณขนาดบรรจุขนส่งต่อเที่ยวเรือและเพิ่มจำนวนเที่ยวเรือ นอกจากนี้ยังนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปซ่อมบำรุงตามแผน รวมถึงชำระคืนเงินกู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
"ต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้การตอบรับ VL ในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และหลังจากการได้รับเงินระดมทุนครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยต่อยอดให้ VL มีความสามารถในการให้บริการสูงขึ้น ตามจำนวนเรือที่มากขึ้น รวมทั้งยังมีแผนจะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการเติบโตทางธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง โดยล่าสุดบริษัทได้เริ่มทำการขนส่งเรือ VL. 21 ลำใหม่ล่าสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาและได้รับรู้รายได้เข้ามาแล้ว ขณะที่ไตรมาส 2/2562 จะมีเรือลำใหม่เข้ามาอีก1ลำและช่วงปลายปีจะเข้ามาอีก1ลำ ทำให้เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตไม่ต่ำกว่า20%จากปีนี้"นายเอกจักร กล่าว
ขณะที่นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VL เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดี และขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจ และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบริษัท ซึ่งบริษัทหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนแบบนี้ตลอดไป และในฐานะผู้บริหารจะตั้งใจทำงาน เพื่อให้ธุรกิจมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุนท่านต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้จากประสบการณ์ในการให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งทางทะเลมากกว่า 20 ปี โดยในปัจจุบันบริษัทมีเรือเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจทั้งหมด 13 ลำ และบริษัทยังมีน้ำหนักบรรทุกเรือรวม 40,757 เดทเวทตัน (DWT) และมีความสามารถในการบรรจุน้ำมันเพื่อขนส่งรวมอยู่ที่ 41,523.7 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีความสามารถในการขนส่งติดอันดับ 4 ของประเทศ และยังมีอายุกองเรือเฉลี่ย 16 ปี ซึ่งถือว่ากองเรือมีอายุน้อย ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่ค่อนข้างต่ำ พร้อมกันนี้บริษัทยังมีบุคลากรที่มีความรู้ และประสบการณ์ รวมถึงความชำนาญในธุรกิจขนส่ง ส่งผลให้บริษัทมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุระหว่างขนส่งของบริษัทอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งยังมีอัตราการสูญเสียน้ำมัน (Oil Loss) ระหว่างการขนส่งอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับภาวะอุตสาหกรรม ซึ่งประมาณการใช้พลังงานในอนาคต สะท้อนให้เห็นว่าการใช้น้ำมันยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และประมาณการความต้องการใช้น้ำมันในอนาคตยังมีการเติบโต โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีปริมาณการผลิต และการบริโภคเติบโตขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะการใช้ในภาคขนส่ง
"การให้บริการภายในประเทศยังถือว่ามีความมั่นคงของปริมาณสูงในระดับหนึ่ง เนื่องจากบริษัทจะมีการทำสัญญารับขนส่งสินค้าล่วงหน้า (Contract of Affreightment หรือ "COA") และการทำสัญญาแบบ
เช่าเหมาลำ (Time Charter) เพื่อช่วยกำหนดปริมาณการขนส่งสินค้าขั้นต่ำ โดยการทำสัญญาดังกล่าวจะช่วยยืนยันปริมาณงานในมือของบริษัทได้ และส่วนใหญ่บริษัทจะทำสัญญาจะยาวประมาณ 1 – 3 ปีประกอบกับบริษัทยังมีจุดเด่นอีกอย่าง คือนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะบริษัท"นางชุติภา กล่าว