ปรมินทร์ อินโสม ซีอีโอ สตางค์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงนโยบายของตลาดหลักทรัพย์ ต่อการสร้างโอกาสธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตัล โดยจะเริ่มพัฒนา 3 สินทรัพย์ดิจิตัล ที่จะนำมาค้ำมูลค่าของโทเคนและตั้งเป้าเป็นศูนย์บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัลภายในปี 2564 และชี้แนวทางในการผลักดันประเทศไทยให้เป็น ศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิตัล หรือ Digital Asset ของภูมิภาค ว่า "ในการพัฒนาระบบสินทรัพย์ดิจิตัล จะต้องทำให้ครบทั้งระบบนิเวศตั้งแต่การผลักดันให้เกิดการใช้จ่ายด้วยคริปโตเคอเรนซี่ การทำให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากลถึงศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถช่วยสนับสนุนการสร้างโทเคนให้ใช้งานในรูปแบบใหม่ ๆ ผ่านแพลตฟอร์มของเหรียญที่สร้างขึ้นโดยคนไทย การพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัย (Cyber Security) ในระดับสากล"
"หากเรากระตุ้นให้เกิดการเปิดรับ (mass adoption) ในการใช้สกุลเงินดิจิตัลผ่านระบบพร้อมเพย์ ด้วยฟังก์ชั่น แสกนเพื่อจ่าย (scan to pay) ที่ปัจจุบันเชื่อมต่อกับบัญชีการธนาคารของคนไทยกว่า 40 ล้านคน และเชื่อมต่อกับร้านค้าทั่วประเทศกว่า 2 ล้านร้านค้า จะทำให้ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้สกุลเงินดิจิตัล เหมือนการใช้จ่ายสกุลเงินทั่วไป (fiat currency) แบบโมบายล์ แบงค์กิ้งได้ ประเทศไทยก็จะเป็นที่ดึงดูดของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมใช้คริปโตเคอเรนซี่ มากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเพิ่มเติมจากปัจจัยด้านแหล่งท่องเที่ยวที่ไทยเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของโลก"
"ขณะเดียวกันประเทศไทยก็มีศักยภาพระดับสากล เราสามารถใช้เหรียญ Zcoin ที่สร้างโดยคนไทยเองเป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานในการออกโทเคน อื่น ๆ ในประเทศไทย แทนที่จะไปพึ่งแพลตฟอร์มของเหรียญต่างชาติอย่างเช่นในปัจจุบัน เพื่อให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับด้านเทคโนโลยีของ Digital Currency มากขึ้น"
ปรมินทร์ เพิ่มเติมว่า "Satang ให้ความสำคัญกับมาตรฐานระบบรักษาความปลอดภัยมาก เราเป็นผู้ให้บริการ คริปโตเคอเรนซี่ เอ็กซ์เชนจ์ บริษัทเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ISO 27001 Certified"
"อย่างไรก็ตามการป้องกัน Cyber Attack ได้ 100% เต็มนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในโลกของ Cyber Security เนื่องจากเทคโนโลยีด้าน Cyber Security มีการพัฒนาอยู่ทุกวินาที ทั้งคนที่พยายามโจมตีระบบและคนที่พยายามป้องกันระบบ ดังนั้นเว็บเทรด Satang Pro ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยของผู้เข้ามาใช้บริการเอ็กซ์เชนจ์ ให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการเก็บเหรียญใน Hot Wallet ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อป้องกันการแฮ็กและจำกัดระดับความเสียหายให้น้อยที่สุด หากเกิดการโจมตีทางไซเบอร์"
ในส่วนภาพรวมของตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิตัล หรือ เว็บเทรดคริปโตทั้งในไทยและต่างประเทศปัจจุบัน ต่างก็มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ มิติ โดยเฉพาะเว็บเทรดต่างประเทศ เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย การเป็น Decentralized Exchange รวมทั้งการพัฒนา Ecosystem ของ Exchange เช่น มี Lending Function ต่าง ๆ รวมถึงมีให้เทรด Spot หรือ Future เป็นต้น ซึ่งล่าสุด DX.Exchange ก็ออกมาประกาศว่าจะเปิดให้บริการเทรดหุ้นบริษัทในสหรัฐ เช่น Apple Amazon Tesla ฯลฯ ในรูปแบบโทเคนได้
"จะเห็นว่าเว็บเทรดคริปโต สามารถพัฒนาต่อยอดไปได้หลายมิติ ซึ่งในอนาคตเราอาจจะได้เห็นวิวัฒนาการและนวัตกรรมด้านการเงินเกิดขึ้นกับเว็บเทรดทั้งในไทยและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันปัจจัยด้านกฎหมายข้อบังคับจากเรกูเรเตอร์ (regulator) ของไทยที่มีความทันสมัยของตัวบทกฏหมายและความพร้อมในการรับมือและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีด้านสินทรัพย์ดิจิตัลที่กำลังเกิดขึ้นทั่วทั้งโลกในปัจจุบัน พร้อมเอื้อให้เกิด Digital Asset Ecosystem and Digital Economy แก่ประเทศไทย
ทั้งนี้ Satang หนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจให้บริการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิตัลกลุ่มแรก ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการจาก ก.ล.ต.และกระทรวงการคลังอย่างเป็นทางการ ก็พร้อมที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มและการให้บริการให้เป็น 'ผู้นำธุรกิจที่ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิตัลในประเทศไทย' และร่วมผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำในอาเซียน" ซีอีโอ สตางค์ คอร์ปอเรชั่น สรุปยืนยันความมั่นใจ