โนวาร์ตีส หนึ่งในผู้นำด้านผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ระดับโลก ได้ร่วมมือกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือไบโอเทค ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ในด้านการวิจัยค้นคว้าและพัฒนายา โดยเป็นความร่วมมือเพื่อวิจัยและค้นคว้าหาสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติต่างๆจากจุลินทรีย์ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้าน วิทยาศาสาตร์ของทั้งสองหน่วยงานอย่างราบรื่นตลอดมา จนส่งผลให้มีการขยายสัญญาความร่วมมืออย่างต่อเนื่องถึง 5 ครั้ง โดยไบโอเทคยังได้มีโอกาสเรียนรู้นวัตกรรมขั้นสูง ตลอดจนการเข้ารับการฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญของโนวาร์ตีส ที่สถาบันวิจัยทางชีวภาพและการแพทย์ โนวาร์ตีส (NIBR) ณ เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ เมืองเอเมอรี่วิลล์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบันโนวาร์ตีสและไบโอเทค ได้ร่วมกันศึกษาวิเคราะห์ถึงศักยภาพทางเคมีของแบคทีเรีย กลุ่ม Gram-negative ซึ่งนับเป็นแบคทีเรียกลุ่มใหม่ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสามารถใช้เป็นแหล่งสารประกอบทางเคมีได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการขยายความความร่วมมือไปสู่การพัฒนาและประยุกต์ใช้คลังข้อมูลทางพันธุกรรมและชีววิทยาสังเคราะห์ เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถในการสังเคราะห์สารทางชีวภาพของแบคทีเรียกลุ่มนี้ให้มากยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โนวาร์ตีสและไบโอเทคยังได้ร่วมมือกันเพื่อการพัฒนาทางด้านทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้อย่างเห็นได้ชัดว่า จากความร่วมมือดังกล่าวนี้ได้ส่งผลให้เกิดการพัฒนาทั้งประสิทธิภาพด้านการเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากร และความสำเร็จต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย" ดร.แฟรงค์ ปีเตอร์เซน ผู้อำนวยการ Natural Products and Biomolecular Chemistry, Global Discovery Chemistry (Novartis Pharma) กล่าว
ด้าน ดร. วนิชา วิชัย หัวหน้าทีมวิจัยของไบโอเทค กล่าวว่า "โนวาร์ตีส ได้ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ไบโอเทค ซึ่งช่วยส่งเสริมให้เราสามารถพัฒนาขีดความสามารถของนักวิจัยชาวไทยได้มากยิ่งขึ้น จากการฝึกอบรมในเชิงปฏิบัติการและการแนะแนวทางจากผู้เชี่ยวชาญของโนวาร์ตีส หนึ่งในนักวิจัยของไบโอเทคได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแบคทีเรีย actinomycetes และสามารถสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก นอกจากนี้ ยังมีนักวิจัยของไบโอเทคอีกกว่า 13 คน ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมที่สถาบันวิจัยของโนวาร์ตีส เรียนรู้เทคโนโลยีอันล้ำสมัย รวมถึงสัมผัสประสบการณ์ตรงในการวิจัยค้นคว้าและพัฒนายาต่างๆ ของอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์"
"โนวาร์ตีส ยังคงมองหาและสร้างความร่วมมือกับสถาบันต่างๆ เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ในกรอบแนวคิดและความสนใจในการวิจัยค้นคว้าร่วมกัน ทั้งยังคงไม่หยุดยั้งที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น" นางสุมาลี คริสธานินทร์ ประธานบริหาร บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติม
โดยทั่วไปสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจะมีองค์ประกอบของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สามารถพบได้จากแหล่งธรรมชาติเท่านั้น เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา และพืชบางชนิด ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ทั้งในรูปแบบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือนำมาสกัดเพื่อพัฒนาเป็นส่วนผสมสำหรับการผลิตยาในการรักษาโรคต่างๆ โดยยาที่จำหน่ายในท้องตลาดในปัจจุบัน มีถึง 39% ที่มีสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ ทั้งนี้ การวิจัยค้นคว้าและพัฒนายาในสมัยใหม่จากสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีที่หลากหลาย รวมถึงการค้นหาเชื้อจุลินทรีย์ การเพาะเชื้อจุลินทรีย์ การวิเคราะห์ทางเคมี ชีววิทยาสังเคราะห์และชีวสารสนเทศศาสตร์
สถาบันวิจัยทางชีวภาพและการแพทย์ โนวาร์ตีส (NIBR) เป็นสถาบันแห่งนวัตกรรมของโนวาร์ตีสซึ่งมีความร่วมมือกับองค์กรวิจัยต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งมีการวิจัยสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยค้นคว้าและพัฒนายาที่อยู่ในระดับแนวหน้า ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยพร้อมกับทักษะและความเชี่ยวชาญขั้นสูงในการค้นหาสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากแหล่งต่างๆที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ
ไบโอเทค เป็นสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านจุลชีววิทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเชื้อราและแบคทีเรียชนิด actinomycetes ซึ่งสามารถพบได้มากมายในธรรมชาติ โดยภายหลังจากการได้รับองค์ความรู้ล่าสุดเกี่ยวกับการค้นหาและสกัดแยกเชื้อแบคทีเรียactinomycetes จากทางโนวาร์ตีสแล้วนั้น นักวิจัยไบโอเทคจึงได้เร่งพัฒนาขีดความสามารถและความเชี่ยวชาญอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งสร้างคลังแบคทีเรีย actinomycetes ที่มีความหลากหลายทางสายพันธุ์และครอบคลุมกว่า 68 จำพวก และจากกระบวนการนี้เองยังได้ส่งผลให้นักวิจัยสามารถค้นพบแบคทีเรีย actinomycetes สายพันธุ์ใหม่ เพิ่มขึ้นถึง15 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความหลากหลายของแบคทีเรียกลุ่มนี้ อันเป็นแหล่งสำคัญของการพัฒนายาสมัยใหม่ต่อไป