นาย โชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เปิดเผยว่า "กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมทั้งภาครัฐได้วางยุทธศาสตร์แห่งชาติเพื่อผลักดันให้ฟุตบอลไทยได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และไปสู่จุดหมายการร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกให้ได้ โดยการจัดการแข่งขัน Thailand Youth League นี้ ถือเป็น 1 ใน 6 กลยุทธ์หลักเพื่อพัฒนา กลยุทธ์อื่นๆ คือ การพัฒนาศูนย์ Excellent Center การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาปลูกฝังการเชียร์ที่ดี การจัดตั้งสถาบันผู้ตัดสิน และการป้องกันการทุจริตการล้มบอล ฟุตบอลรายการนี้ถือเป็นนโยบายในการพัฒนาผู้เล่นระดับเยาวชนให้มีการต่อเนื่อง และมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือ การสานฝันฟุตบอลไทยไปฟุตบอลโลก ในปีค.ศ.2026
โดยกลยุทธ์หลักการแข่งขันฟุตบอลหลีกเยาวชนแห่งชาติ Thailand Youth League จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 การแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวขนแห่งชาติ "กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ผลักดันให้มีการแข่งขันฟุตบอลระดับเยาวชนรายการนี้ขึ้นมา เป็นการเพาะต้นกล้าฟุตบอลให้แข็งแกร่งและกระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา 2 ปี ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม มีนักเตะเยาวชนในรายการนี้ก้าวไปติดทีมชาติและสร้างผลงานให้กับทีมชาติไม่น้อย และในปีนี้ก็มีถึง 489 ทีมที่เข้าร่วมแข่งขันซึ่งถือได้ว่าเป็นรายการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งของไทย โดยในรอบสุดท้ายนี้ ได้เปิดโอกาสให้จังหวัดต่าง ๆ ทุกภูมิภาคร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน เพื่อกระจายความนิยมไปทั่วประเทศ ซึ่งผมก็มุ่งหวังว่าทุกอย่างจะบรรลุตามเป้าหมายที่ทางภาครัฐตั้งใจไว้"
ขณะที่ นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็ได้เผยว่า การแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาตินั้นได้รับความร่วมมือเป็นอันดีทั้งจากภาครัฐ คือกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนที่ร่วมมือสนับสนุน โดยปีนี้ยังคงมีแข่งขันกัน 4 รุ่นอายุ คือ13 ปี, 15 ปี, 17 ปี และ 19 ปี
"สำหรับการแข่งขันรอบสุดท้ายในปีนี้ เราได้เข้ารอบชิงชนะเลิศแล้วจำนวน 16 ทีมต่อรุ่น หรือทั้งหมด 64 สโมสร เป็นเยาวชนที่ผ่านทั้งสโมสรทั้งฟุตบอลอาชีพและสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดต่างๆ เราได้มีนโยบายกระจายการจัดการแข่งขันออกไปตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อเป็นการกระจายเมล็ดพันธุ์เยาวชน สร้างกระแสตื่นตัวให้กับคนในต่างจังหวัด และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นในจังหวัดที่เป็นเจ้าภาพและจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย ซึ่งจะเป็นการผสมผสานระหว่างการสร้างความตื่นตัวด้านกีฬาและการกระตุ้นเศรษฐกิจการใช้จ่ายภายในจังหวัดที่เป็นเจ้าภาพด้วย"
โดยรางวัลของแต่ละรุ่นนั้น U13 แชมป์ได้ 6 แสนบาท รองแชมป์ได้ 3 แสนบาท อันดับ 3 ได้ 2 แสนบาท และอันดับ 4 ได้ 1 แสนบาท, รุ่นU15 แชมป์ได้เงินรางวัล 1 ล้านบาท รองแชมป์ได้ 5 แสนบาท อันดับ 3 ได้ 2 แสนบาท และอันดับ 4 ได้ 1 แสนบาท ซึ่งในรุ่นนี้ การกีฬาแห่งประเทศ ยังได้รับการสนับสนุนจาก บางกอก แอร์เวย์ส และ บริษัท เสถียรสเตนเลสสตีล จำกัด(มหาชน) เจ้าของผลิตภัณฑ์หัวม้าลาย ซึ่ง นายพรต เสตสุวรรณ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เผยว่า "สายการบินบางกอก แอร์เวย์ส ได้ร่วมเป็นพันธมิตรระดับภูมิภาคกับสโมสรฟุตบอลโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปีที่แล้ว (พ.ศ.2561) ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุโรป และมีฐานแฟนบอลทั้งในทวีปเอเชียและทั่วโลก โดยการจับมือกันในครั้งนี้ทางสายการบินฯมีความยินดีที่จะมอบโอกาสให้กับทีมฟุตบอลเยาวชนของประเทศไทย โดยการนำผู้ฝึกสอนนักฟุตบอลเยาวชนของสโมสรโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ มาฝึกทักษะและพัฒนาขีดความสามารถของนักกีฬาฟุตบอลเยาวชนในวันนี้ให้กลายเป็นนักกีฬาฟุตบอลเยาวชนทีมชาติต่อไปในอนาคต ซึ่งจะต่อยอดไปถึงการสร้างโอกาสในการเข้าแข่งขันฟุตบอลโลกของประเทศไทยด้วย"
สำหรับ รุ่น U17 แชมป์จะได้เงินราวัล 1 ล้านบาท รองแชมป์ได้ 5 แสนบาท อันดับ 3 ได้ 2 แสนบาท และอันดับ 4 ได้ 1 แสนบาท , รุ่น U19แชมป์ได้เงินรางวัล 1.5 ล้านบาท รองแชมป์ได้ 7 แสนบาท อันดับ 3 ได้ 4 แสนบาท และอันดับ 4 ได้ 2 แสนบาท
สำหรับช่วงเวลาแข่งขันในรอบสุดท้าย ประเดิมในรุ่น U15 แข่งระหว่างวันที่ 19-30 มิ.ย. ณ จังหวัดภูเก็ต ตามด้วยรุ่น U13 แข่งระหว่างวันที่ 3-14ก.ค. ณ จังหวัดเชียงราย, รุ่น U17 แข่งระหว่างวันที่ 16-27 ก.ค. และรุ่น U19 แข่งระหว่างวันที่ 7-18 ส.ค. ณ จังหวัดอุดรธานี