นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความภาคภูมิใจที่แบรนด์ผลิตภัณฑ์เด็กและโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลเป็นแบรนด์แรกและโรงงานแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคจาก จาก COSMOS องค์กรมาตรฐานออร์แกนิคระดับโลกและได้รับการยอมรับมากที่สุดในประเทศแถบยุโรป โดยได้รับการรับรองในระดับ Certificate of COSMOS Natural และระดับ Certificate of COSMOS Organic ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดของมาตรฐานนี้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จและเครื่องยืนยันคุณภาพ ความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิตของใช้ส่วนบุคคลของ บมจ.โอสถสภา
การได้รับการรับรองในครั้งนี้เป็นผลจากการค้นคว้าวิจัยผลิตภัณฑ์และควบคุมกระบวนการผลิตอย่างเคร่งครัดตามเกณฑ์และข้อกำหนดของมาตรฐาน COSMOS โดยวัตถุดิบที่เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต้องมาจากธรรมชาติที่มาจากฟาร์มออร์แกนิคและได้รับ COSMOS Certificate ปราศจากการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต ตลอดจนบรรจุภัณฑ์ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดเก็บและการขนส่งต้องปราศจากสารปนเปื้อน รวมถึงขั้นตอนการซื้อขายผลิตภัณฑ์ไปจนถึงมือลูกค้าจะต้องโปร่งใสและผ่านการประเมินของ COSMOS
"ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะคุณแม่ยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการเลือกสินค้าเพื่อลูกน้อย ทำให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มออร์แกนิคได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้น ดังนั้น การที่โอสถสภาได้รับการรับรองจาก COSMOS ในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการทำการตลาด บริษัทฯ จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคขึ้นภายใต้แบรนด์ "ออร์แกนิค บาย เบบี้มายด์" (Organik by Babi Mild) ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เนื่องจากเด็กมีความบอบบาง แพ้ง่าย และต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้หญิงที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่ายเช่นเดียวกัน เนื่องจากสินค้าออร์แกนิคเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และปราศจากสารเคมีอันตราย การขยายตลาดสู่กลุ่มสินค้าออร์แกนิคครั้งนี้จะส่งผลดีต่อความสามารถในการแข่งขันและการรักษาการเติบโตของผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลโดยรวม หลังจากที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 8.5% ในปีที่ผ่านมา" นางวรรณิภากล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ใช้เงินลงทุน 167 ล้านบาท ขยายโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์กลุ่มของใช้ส่วนบุคคลภายใต้บริษัท กรีนสวิลล์ จำกัด ที่ลาดกระบังเพิ่มเติม โดยจะมีการควบคุมมาตรฐานการสร้างโรงงานอย่างเข้มงวดและให้สอดคล้องตามมาตรฐาน COSMOS และคาดว่าจะสามารถเปิดเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าได้ภายในสิ้นปีนื้ โดยการขยายโรงงานในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อกำลังการผลิตสินค้าในกลุ่มดังกล่าว เพิ่มขึ้นเป็น 68,000 ตันต่อปี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนแผนงานการออกผลิตภัณฑ์ใหม่และการรุกทำตลาดเพิ่มเติมในอนาคตอีกด้วย