นายคมสันต์ ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ แฟลช (FLASH GROUP) กล่าวว่า จากการเติบโตของธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 3.2 ล้านล้านบาท และในปี 2562 นี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นกว่า 8-10% ต่อปี ส่งผลให้ธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์ในประเทศเติบโตควบคู่ตามไปด้วย ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีมูลค่าสูงกว่า 200,000 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตปีละ 15-20% สร้างให้เกิดการแข่งขันในตลาดโลจิสติกส์ที่ดุเดือด โดยเฉพาะในยุค Digital Disruption ที่ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุทุกรายต้องนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการต่างๆ ตลอดจนการคิดโมเดลทางธุรกิจที่สามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างทันท่วงที
1 ปีที่ผ่านมา แฟลช เอ็กซ์เพรส ใช้เม็ดเงินลงทุนไปมากกว่า 5,000 ล้านบาท ในการพัฒนาธุรกิจ และระบบให้บริการด้านขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถให้บริการได้ครบทั้ง 77 จังหวัด ครอบคลุม Nation wide โดยยังคงยึดจุดแข็งที่ว่า "ราคาถูกที่สุด เริ่มต้นเพียง 19 บาท บริการรับฟรีถึงที่ตั้งแต่ชิ้นแรก ไม่ใช้เอาท์ซอร์ส หรือ แฟรนไชส์ และทำงาน 365 วันไม่มีวันหยุด" ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดการขนส่งสินค้ารวมประมาณ 20 ล้านชิ้น โดยตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดจัดส่งสินค้าเพิ่มอีก 40 ล้านชิ้น และเพื่อไปสู่เป้าหมายเชื่อมระบบการขนส่งในตลาด AEC ให้เป็นแผ่นดินเดียวกัน จึงได้เตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 4 ประเทศในกลุ่มอาเซียน และตั้งเป้าว่าจะเปิดให้ครบทั้ง 10 ประเทศภายใน 4 ปี
ปัจจุบัน แฟลช เอ็กซ์เพรส มีพนักงานกว่า 10,000 คน พร้อมสาขาให้บริการมากกว่า 1,700 แห่ง ทั่วประเทศไทย และเพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการในระบบขนส่ง บริษัทฯ ได้ใช้เงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท พัฒนาเครื่องคัดแยกสินค้าอัจฉริยะที่สามารถคัดแยกสินค้าจำนวน 100,000 ชิ้น ในเวลา 60 นาที ยิ่งไปกว่านั้น แฟลช เอ็กซ์เพรส ยังทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อพัฒนาระบบไอทีที่ทันสมัย และแตกต่างจากคู่แข่ง สามารถตอบโจทย์ธุรกิจ SME และกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ที่เน้นความสะดวก รวดเร็ว ด้วยการกดส่งพัสดุผ่านแอพบนมือถือ ทั้งยังเป็นขนส่งรายแรกของไทยที่พัฒนาระบบการชำระเงินแบบ E-COD อีกด้วย
"1 ปีของการดำเนินธุรกิจ เรายังคงยึดเป้าหมายการทำงานเพื่อยกระดับวงการขนส่งไทยให้ดียิ่งขึ้น แฟลช เอ็กซ์เพรส เคยให้คำนิยามของธุรกิจว่าไม่ใช่เป็นเพียงแค่บริษัทขนส่งเท่านั้น แต่เราคือ ธุรกิจ อี-คอมเมิรซ์ แบบครบวงจร ซึ่งในครึ่งปีหลังผู้บริโภค หรือลูกค้าของเราจะได้เห็นรูปแบบธุรกิจ สินค้า และบริการใหม่ๆ ที่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด นำเสนอออกมาต่อเนื่องอย่างแน่นอน สำหรับธุรกิจขนส่งนั้น นับว่าเป็นพื้นฐานของธุรกิจหลายๆอย่าง เราจึงมีความเชื่อว่าหากระบบการขนส่งสินค้าสามารถบริหารจัดการได้ดี ก็จะมาช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการแต่ละรายให้สามารถตั้งราคาค่าขนส่งที่ถูกลง ซึ่งก็จะส่งผลให้ต้นทุนของกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยต่างๆ ลดลงไปด้วย ประโยชน์ก็จะเกิดกับผู้ซื้อ ทำให้ผู้ซื้อได้รับสินค้าที่มีความคุ้มค่าทั้งด้านราคา และคุณภาพมากยิ่งขึ้น" นายคมสันต์ กล่าว
ล่าสุด บริษัทฯ ยังได้ร่วมกับผู้บริหาร นิ่มซี่เส็งโลจิสติกส์ ทุ่มงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ก่อตั้ง "บริษัท แฟลช โลจิสติกส์ จำกัด" เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในธุรกิจโลจิสติกส์รูปแบบใหม่ รวมถึงรองรับการเติบโตของ อี-คอมเมิร์ซ ในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียนในระยะยาว
โดย นางปิยะนุช สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นิ่มซี่เส็งโลจิสติกส์ และในฐานะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฟลช โลจิสติกส์ จำกัด กล่าวว่า จากประสบการณ์การบริหารธุรกิจ นิ่มซี่เส็งโลจิสติกส์ และคลุกคลีอยู่ในแวดวงโลจิสติกส์ไทยมาอย่างยาวนาน จึงพร้อมร่วมทุนกับ "แฟลช เอ็กซ์เพรส" ผู้ให้บริการขนส่งด่วนแบบครบวงจร ก่อตั้ง "แฟลช โลจิสติกส์" ขึ้น เพื่อฉีกรูปแบบการทำธุรกิจโลจิสติกส์แบบเดิม ให้มีความทันสมัย และก้าวทันเทคโนโลยีของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีเป้าหมายสู่การเป็นผู้ให้บริการด้าน อี-คอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์แบบครบวงจร ที่มีมาตรฐานสากล และสามารถตอบสนองต่อตลาดผู้บริโภคยุค 4.0 ที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
"จากการร่วมทุนในครั้งนี้ เราต้องการนำประสบการณ์ทั้งหมดที่มีจากการบริหารธุรกิจ นิ่มซี่เส็ง โลจิสติกส์ เข้ามาหลอมรวมกับเทคโนโลยีของ แฟลช เอ็กซ์เพรส ให้ทั้ง 2 ส่วน เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการทำงานซึ่งกันและกัน เกิดเป็นตลาดโลจิสติกส์รูปแบบใหม่ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย รวดเร็ว ให้แก่ผู้ใช้บริการ โดยแผนความร่วมมือแรก คือ การสร้างแพลตฟอร์มสำหรับผู้ประกอบการขนส่งสินค้า โดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าให้กับผู้ประกอบการขนส่งแต่ละราย พร้อมการมีศูนย์บริการรับ และคัดแยกสินค้าแบบครบวงจร ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้น่าจะสามารถเข้ามาช่วยผู้ประกอบการรายย่อย ให้สามารถทำงานได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้นต่อไป" นางปิยะนุช กล่าว