APEX จะได้ประโยชน์หลายประการจากขายหุ้นดังกล่าว ประการแรกคือเป็นการขายที่ราคาขายหุ้นละ 134 บาท สูงกว่ามูลค่าทางบัญชี (หุ้นละ 72.47 บาท) อยู่ 61.53 บาทต่อหุ้น หรือสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีรวมเป็นเงิน 153.825 ล้านบาท โดยการรับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์จะเป็นไปตามมาตรฐานทางบัญชีที่เกี่ยวข้อง
ประการที่สองคือบริษัทฯได้กลุ่มเมอคิวเรียส ซึ่งมีศักยภาพด้านธุรกิจและการเงิน รวมถึงความเชี่ยวชาญในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เข้ามาเสริมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการทำโครงการนี้ และโครงการพัฒนาอื่นๆของเอเพ็กซ์
อนึ่งงบก่อสร้างของโรงแรมนี้จะเป็นไปตามสัดส่วนการร่วมทุน ซึ่งจากความพร้อมด้านการก่อสร้างและเงินทุน เราเชื่อว่าโรงแรมจะเสร็จเปิดบริการได้ประมาณปลายปีหน้า (2563)ตามแผนที่วางไว้ พร้อมขายสินทรัพย์โรงแรมทำกำไรตามนโยบายของบริษัท
ด้านโครงการอื่นๆที่กำลังพัฒนาของเราในแถบจังหวัดท่องเที่ยวภาคใต้ คือ คลับเมด กระบี่ รีสอร์ทแอนด์แรสซิเดนซ์ ที่หาดยาว จังหวัดกระบี่ ซึ่งได้เปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว และมียอดขายแล้ว 65%และมีโครงการริมชายหาดอีก2โครงการ คือ โครงการเชอราตัน กระบี่ ยาวบีช รีสอร์ท & เรสซิเดนซ์ และ โครงการเดลต้า โฮเทล บาย แมริออตท์ ไม้ขาว ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์เรสซิเดนซ์ ที่หาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต ซึ่งกำหนดจะเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2562 นี้เป็นต้นไป
นอกเหนือจากส่วนของโรงแรม ส่วน Sheraton Residence ของโครงการที่อ่าวปอซึ่งเราถืออยู่ 100% ก็ใกล้จะแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ปลายปีนี้ โดยโครงการเรสซิเด้นส์ เราขายไปได้แล้วกว่า 75% คิดเป็นรายได้รอรับรู้กว่า 1,600 ล้านบาท ผมเชื่อว่าตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป เอเพ็กซ์จะมีพัฒนาการในเชิงบวกออกมาหลายประการให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯต่อไป