นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า "หลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการศึกษาร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก เกี่ยวกับประโยชน์และความเหมาะสมในการยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 700MHz แล้ว พบว่า ตามมาตรฐานของเทคโนโลยี 5G การผสมผสานคลื่นความถี่ระหว่างย่านความถี่สูง (สูงกว่า 6 GHz) ย่านความถี่กลาง (ระหว่าง 2-6 GHz) และย่านความถี่ต่ำ (ต่ำกว่า 2 GHz) จะช่วยให้การให้บริการ 5G มีประสิทธิภาพและเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุน โดยคลื่นความถี่ 700MHz ถือเป็นคลื่นความถี่มาตรฐานของเทคโนโลยี 5G ในย่านความถี่ต่ำที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านความครอบคลุม (Coverage) การได้คลื่นความถี่ 700MHz มาในครั้งนี้ จึงเป็นการสร้างความพร้อมสำหรับการให้บริการ 5G ที่จะเกิดขึ้นภายใน 2-3 ปีข้างหน้า รวมถึงความพร้อมทั้งในเชิงอุปกรณ์โครงข่ายและเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมถึงบริการที่รองรับคลื่นความถี่ 700MHz ที่จะมีมากขึ้น โดยตัวอย่างบริการ 5G ที่อาจนำมาให้บริการจริง (commercial) ได้แก่ บริการเสมือนจริงต่างๆ (Virtual Reality/Augmented Reality) เช่น การเพิ่มประสบการณ์รับชมคอนเสิร์ตและกีฬา การเล่นเกม การให้บริการด้าน IoT (Internet of Things) รวมไปถึงการให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านแบบไร้สาย (Fixed Wireless Access) และเครือข่ายเฉพาะสำหรับลูกค้าองค์กร เป็นต้น ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างแหล่งรายได้ใหม่ที่สำคัญในธุรกิจโทรคมนาคม
นอกจากนี้ คลื่นความถี่ 700MHz หากนำมาผสมผสานในโครงข่ายปัจจุบัน ยังมีประโยชน์ในการขยายความจุ (Network Capacity) และความครอบคลุมของโครงข่ายที่มีอยู่ ซึ่งช่วยให้สามารถตอบสนองการใช้งานของลูกค้าที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประหยัดเงินลงทุนที่ต้องใช้สำหรับการขยายสถานีฐานเพิ่มเติม ทำให้โครงข่ายโดยรวมมีประสิทธิภาพและช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการใช้งานภายในอาคาร
ดังนั้น บริษัทจึงประเมินแล้วว่า เงื่อนไขของการจัดสรรคลื่นความถี่ 700MHz ก่อให้เกิดความคุ้มค่าทางการเงิน และช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของบริษัทในการเป็นผู้นำในตลาดโทรคมนาคมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยระหว่างนี้จนกว่าจะสามารถใช้งานคลื่นความถี่ 700MHz ได้ บริษัทจะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ รวมถึงกสทช.ในการวิจัยและพัฒนาการให้บริการ 5G เพื่อวางแผนการลงทุนอย่างเหมาะสมต่อไป"