งานสัมมนาในครั้งนี้ จัดเป็นปีที่ 3 แล้วและมีผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 200 คนจากภาคธุรกิจ บริษัทต่างชาติและบริษัทไทย ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญและนักปฎิบัติด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่งเหมือนปีที่ผ่านมาเพื่อรับรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลใหม่ๆ นวัตกรรม กลยุทธ์ทางธุรกิจ ตลอดจนแนวปฏิบัติที่น่าสนใจ และเทรนด์ล่าสุดด้านการบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ โดยการสัมมนาแบ่งเป็น 5 หัวข้อหลัก ได้แก่ พลังงานสีเขียว มลพิษและของเสีย การศึกษาในที่ทำงาน สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การทำการตลาดจากการจัดงานอย่างยั่งยืน
เอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ฯพณฯ เคส ราเดอ (Kees Rade) กล่าวว่า "ทีมงานของเราที่สถานเอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาได้เตรียมการจัดงาน "Dutch Sustainability Days" ประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ในหลากหลายสาขาธุรกิจ และเพิ่งจัดงานใหญ่ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง บริษัทดัชท์และไทยหลายบริษัทได้ลงนามร่วมกันในประกาศเจตนารมณ์ดัชท์-ไทย โดยมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนและร่วมใจกันขับเคลื่อนแนวคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ที่จะเร่งรัดพัฒนาและเพิ่มผลลัพธ์ อาทิ กลุ่มบริษัทปูนซิเมนต์ไทย ปตท. ซีพี อินโดรามาเวนเจอร์ส ฟิลิปส์ เชลล์ ยูนิลีเวอร์ ฯลฯ นับเป็นผลสำเร็จอันยอดเยี่ยมของเรา"
นอกจากนี้ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ องค์การมหาชน (สสปน.) ยังได้ให้การสนับสนุนงานสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อให้เป็นงานที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยได้สนับสนุนทั้งแนวทางการจัดงานและจัดหาวิทยากรมาเพื่อให้ข้อมูลความรู้ในการจัดงานอีเว้นท์อย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์องค์กรอีกด้วย
คุณศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรมสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. กล่าวว่า "ทางสสปน. ดีใจที่ได้เห็นว่ามีนักธุรกิจที่เห็นความสำคัญของการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น งานหลักของสสปน.คือการนำงานไมซ์เข้ามาจัดในประเทศไทย แต่เราก็ให้ความสำคัญในการสร้างเสริมศักยภาพของผู้ให้บริการด้านไมซ์ด้วย สิ่งสำคัญคือความยั่งยืน ซึ่งเราสามารถใช้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทยว่าเป็นสถานที่จัดงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน เรามุ่งสร้างการรับรู้ของการจัดงานอย่างยั่งยืนคือ ทุกครั้งที่เราจัดงานต่างๆ เราสามารถจัดงานที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยใช้ทรัพยกรให้น้อยลงและสร้างมลพิษให้น้อยลงด้วย ในขณะที่บริษัทผู้จัดงานก็สามารถใช้จุดนี้เป็นเครื่องมือทางการตลาดในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีที่ได้มีส่วนรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย
ทางสสปน. เองได้สนับสนุนและทำงานร่วมกับสถานที่จัดงาน ซัพพลายเออร์ และผู้ประกอบการที่ให้บริการในการจัดงานประชุมอีเว้นท์ต่างๆ เพื่อใช้แนวทางปฏิบัติเพื่อการจัดงานอย่างยั่งยืน (Guidelines for sustainable event) ตั้งแต่การตั้งอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส การแต่งกายแบบธุรกิจลำลอง business casual ไม่ต้องใส่สูทหรือเน็คไท การตกแต่งน้อย ไม่ใช้ดอกไม้สด ไม่ใช้ผ้าปูโต๊ะ ไม่มีขวดพลาสติก การบริหารจัดการอาหารและลดขยะจากทุกกิจกรรม เราเพิ่งมีการมอบประกาศนียบัตรแก่โรงแรมและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนไปเมื่อเร็วๆนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทองค์กรต่างๆ ตระหนักรู้และจะสร้างดีมานด์ของการใช้สถานที่ หรือซัพพลายเออร์ในการจัดงานอย่างยั่งยืนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น"
มร. อองรี เดอเรอบุล ประธานคณะทำงานร่วมระหว่างหอการค้าต่างประเทศด้านความยั่งยืน (Multi-Chamber Sustainability Committee) กล่าวว่า "ความยั่งยืนกลายมาเป็นสิ่งที่เราคำนึงถึงเป็นหลักในการทำธุรกิจทุกประเภท ในธุรกิจเราพูดถึงผลกำไร แต่เราคำนึงถึงว่าจะทำอย่างไรให้ผลกำไรนั้นยั่งยืนด้วย การพัฒนาสู่ความยั่งยืนต้องทำในทุกๆด้านทั้งทางกายภาพและจิตใจ ทั้งสิ่งก่อสร้างและผู้คน งานสัมมนาความยั่งยืนในธุรกิจของเราเป็นงานเดียวที่เน้นการนำความยั่งยืนเข้ามาในองค์กร โครงสร้าง และการดำเนินธุรกิจ ในปีนี้ เราจะได้รับทราบถึงข้อมูลและนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านการปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว การจัดการมลพิษและของเสีย การศึกษา สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในที่ทำงาน และการทำการตลาดจากจัดงานอย่างยั่งยืน หวังว่าในปีนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราสามารถจุดประกายความคิดใหม่ๆ ให้นักธุรกิจอีกมากมาย"
นางอาร์แมล เลอบิออง ประธานร่วมคณะทำงานร่วมระหว่างหอการค้าต่างประเทศด้านความยั่งยืน เสริมว่า "ในแต่ละปี เราได้ยินได้ฟังจากผู้นำในธุรกิจและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เอสเอ็มอีและผู้ประกอบการทั้งในประเทศไทยและในอาเซียนถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจผ่านการพัฒนาอย่างยั่งยืน จากการสำรวจวิจัยของ Accenture เรื่องกลยุทธ์ของผู้บริหาร พบว่า กว่า 97% ของผู้บริหารระดับสูงขององค์กรต่างๆ ทั่วโลกเชื่อว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของธุรกิจ"