“KTBST” ชูกลยุทธ์กระจายรายได้บริหารความเสี่ยง ก้าวสู่ผู้นำให้บริการผลิตภัณฑ์ตลาดทุนและการเงินครบวงจร

อังคาร ๒๕ มิถุนายน ๒๐๑๙ ๑๓:๑๒
"KTBST" ชูกลยุทธ์กระจายรายได้บริหารความเสี่ยง ก้าวสู่ผู้นำให้บริการผลิตภัณฑ์ตลาดทุนและการเงินครบวงจร รับมือธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แข่งขันรุนแรง มั่นใจผลงานไตรมาส 2/62 เติบโตต่อเนื่อง คงเป้ารายได้ปีนี้แตะ1,300 -1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% มองครึ่งปีหลังดีขึ้น ลุ้นสงครามการค้าไม่ยืดเยื้อ

"ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์" ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเน้นกระจายธุรกิจเพื่อยกระดับการให้บริการด้านการลงทุนครบวงจรมากขึ้น รับมือกับภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมธุรกิจให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เน้นการกระจายรายได้จากหลายช่องทาง ควบคู่การแนะนำบริหารความเสี่ยงให้แก่นักลงทุน

ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/62 บริษัทมีรายได้รวม 322.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 23.7 ล้านบาท โดยมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริการ เพิ่มขึ้นมาเป็น 50 - 60% จากสิ้นปี 61 ที่มีสัดส่วน 40% ขณะที่สัดส่วนรายได้ธุรกิจให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ลดลงเหลือ 30 - 40% จากสิ้นปี 61 ที่มีสัดส่วน 50%

"ทิศทางผลประกอบการไตรมาส 2/62 เชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารายได้ธุรกิจให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์น่าจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์รวมที่ลดลง แต่บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมธุรกิจบริการอื่น ๆ เช่น งานวาณิชธนกิจ งานตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุน งานบริการทางการเงิน อีกทั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี) บริษัทในเครือ KTBST ได้มีการเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบในไตรมาส 2 ที่มีนโยบายมุ่งสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ตามสภาวะการลงทุนแต่ละช่วง โดยปัจจุบันได้เสนอขายกองทุนกองทุนประเภททริกเกอร์ฟันด์ต่างประเทศ อาทิ ลงทุนในสหรัฐฯ,จีน,อินเดีย และหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี เป็นต้น ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับอย่างดี ล่าสุด บลจ.วี อยู่ระหว่างศึกษาโอกาสในการลงทุนอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย" ดร.วิน กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี และเครื่องมือการลงทุน โดยที่ผ่านมาได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่น KTBST SMART เป็นแพลตฟอร์มที่รวมข้อมูลผลิตภัณฑ์การลงทุนของ KTBST ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตราสารทุนหรือหุ้น ตราสารหนี้ อนุพันธ์ กองทุนรวม และการลงทุนต่างประเทศ ไว้ในที่เดียว เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าของ KTBST ในการที่จะดูพอร์ตการลงทุน และข้อมูลการลงทุน เพื่อช่วยในการตัดสินใจลงทุน พร้อมมุ่งเน้นพัฒนาเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกรรมการฝากและถอนเงินในบัญชี และรองรับการซื้อขายกองทุนรวม นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดบริการ KTBST SOCIAL TRADING รายแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่รองรับการซื้อขายหลักทรัพย์ ผ่านแอพพลิเคชั่น SKYNET Stock Trading ซึ่งเป็นนวัตกรรมการลงทุนในรูปแบบเครือข่ายสังคมออนไลน์คุณภาพที่แบ่งปันข้อมูล แนวคิด และกลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนออนไลน์ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันในสังคมผ่านการปฏิบัติจริง

ดร.วิน กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 62 ที่ 1,300 – 1,400 ล้านบาท หรือเติบโต 26% ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ โดยบริษัทมุ่งเน้นขยายธุรกิจให้มีความหลากหลาย ทั้งธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลมีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำ (AUA) มุ่งเติบโตเป็น 80,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.33% จากปี 61 ที่ 60,000 ล้านบาท ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) เติบโตเป็น 3,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50% ที่ 2,000 ล้านบาท ธุรกิจตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนตั้งเป้า AUA ที่ระดับ 20,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100% ที่ 10,000 ล้านบาท ขณะที่ บลจ. วี ตั้งเป้า AUM เติบโต 6,000 ล้านบาท และเคทีบีเอสที รีทส์ แมเนจเม้นท์ ตั้งเป้าตั้งกองรีทจำนวน 3 กองทุน มูลค่ารวมกันประมาณ 6,000 ล้านบาท รวมถึงตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งการตลาดของการซื้อขาย TFEX ให้ติดอันดับ 1 ใน 5 ของอุตสาหกรรม

นายชาตรี โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ KTBST กล่าวถึงมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 62 ว่า ช่วงที่ผ่านมามีความผันผวนสูง จากภาวะสงครามการค้าที่กดดันเศรษฐกิจไปทั่วทั้งโลก ซึ่งคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไป และอาจขยายไปยังคู่เจรจาอื่นนอกจากสหรัฐและจีนด้วย

อย่างไรก็ดี KTBST ประเมินว่าสงครามการค้าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น และอาจสามารถหาข้อสรุปได้ภายในครึ่งหลังของปีนี้ ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบของประเทศคู่เจรจา รวมถึงเศรษฐกิจทั่วโลกที่ส่งสัญญาณชะลอตัวจะกดดันให้คณะผู้เจรจาการค้าจำเป็นต้องหาหนทางยุติสงครามการค้าโดยเร็ว การเจรจากันที่สำคัญคาดว่าจะเริ่มในรอบการประชุม G20 ช่วงวันที่ 28 มิถุนายน 62 นี้ โดยคาดว่าจีนต้องการที่จะจบประเด็นความขัดแย้งดังกล่าวให้เร็วที่สุด เพื่อลดความเสียหายจากภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มจะกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประกอบกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ที่ใกล้จะหมดวาระ จำเป็นต้องมีผลงานเชิงประจักษ์อย่างการเจรจาต่อรองทางการค้ากับจีนให้เป็นผลสำเร็จและเป็นชาติแรกของโลก เพื่อใช้ในการหาเสียงในการสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วงปี 63 ต่อไป

สำหรับคำแนะนำการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ มองว่าการปรับตัวลดลงของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น เป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นที่แนวโน้มการเติบโตในระยะยาว มีความมั่นคงทางการเมือง และมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในระดับที่ต่ำ เช่น จีนและอินเดีย เป็นต้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ