ดร.นฤมล พุ่มฉัตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วูเช่ จำกัด เปิดเผยว่า "วูเช่" เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี 2551 ด้วยการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ภายใต้แบรนด์ "เอซเซ่บิวตี้" ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคมานานกว่าสิบปี โดยล่าสุดบริษัทฯประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ภายใต้แบรนด์ "Dermache" (เดอร์มาเช่) สกินแคร์สำหรับสาวเอเชีย คิดค้นวิจัยมาเพื่อตอบโจทย์ทุกสภาพผิวของสาวเอเชีย โดยผลิตภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.กลุ่มทำความสะอาดผิวหน้า 2.กลุ่มบำรุงผิว 3. กลุ่มกันแดดโดยผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ (Flag Ship Product) ของบริษัท ได้แก่ "Dermache White Intensive Cream" ครีมบำรุงผิวหน้า ผลิตจากสารสกัดจาก 7 อัญมณีราชินีผิวขาว ประกอบด้วย เพชร ทองคำ ไข่มุก ทัวร์มาลีน ทองคำขาว ไพลิน เงิน และสารสกัดจากพืชต่างๆอีก 7 ชนิด มีคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอย ผิวกระจ่างใส มีออร่า และผลิตภัณฑ์ "Citrus concentrate serum" เซรั่มบำรุงผิวหน้าช่วยยับยั้งกระบวนการเสื่อมของเซลล์ผิวและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวพรรณ กับนวัตกรรมเซลล์ต้นกำเนิดจากส้มบาร์เซโลน่า (Citrustem) และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมขยายผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มเครื่องสำอาง (Make up) เพิ่มขึ้นอีกด้วย
"จุดเด่นของบริษัทฯ คือ เรามีโรงงานผลิตและเครื่องจักรที่ทันสมัย และทีมวิจัยที่พร้อมที่จะผลิตสินค้าที่ได้คุณภาพ และเสาะหาสารสกัดต่างๆจากทั่วโลก เพื่อมาสร้างจุดแข็งให้แบรนด์มีคุณภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ Dermache ได้ผ่านกระบวนการค้นคว้าวิจัยด้วยการคัดสรรค์ส่วนผสมที่เป็นสารสกัดล้ำค่า จากแร่ธาตุธรรมชาติ พืชและผลไม้นานาชนิดที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลกปราศจากส่วนผสมจากสัตว์ ผสมผสานเข้ากับนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยด้วยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน รวมไปถึงกระบวนการผลิตทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง"
ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของแผนการตลาดนั้น ช่องทางในการจำหน่ายสินค้าหลักของเราจะมุ่งเน้นในการขายผ่านระบบตัวแทนกับ Exclusive Dealer จำนวน10 บริษัทหลัก ซึ่งมีตัวแทนจำหน่ายกว่า 20,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งในในปีนี้บริษัทจะบุกตลาดออนไลน์มากขึ้น โดยจะมีการจัดหลักสูตร Online Training ให้กับตัวแทนจำหน่าย เพื่อกระตุ้นยอดขายภายในประเทศ
ขณะเดียวกันบริษัทปีนี้ได้บุกตลาดอาเซียนและตลาดจีน ด้วยการออกงานแสดงสินค้าในภูมิภาคอาเซียน เพื่อที่จะทำจับคู่ทางธุรกิจในการส่งออกสินค้า อาทิ งาน DITPประเทศกัมพูชา และล่าสุดได้ร่วมงาน China international SMEs Fair 2019 ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน โดยกลุ่มเป้าหมายจะเน้นไปที่กลุ่มคนทำงานระดับ B+ และภายใน 3 ปี บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตลาดโซนเอเซียตะวันออกกลางเพิ่มอีกด้วย เนื่องจากมองว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดศักยภาพที่ยอมรับในคุณภาพสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย และมีกระแสนิยมเครื่องสำอางของไทยเป็นอย่างมาก โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้กว่า 50 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10%
อย่างไรก็ดี สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมความงามของไทยในปีนี้ มองว่ายังมีแนวโน้มในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี โดยปัจจุบันธุรกิจนี้มีมูลค่าตลาดในประเทศถึง 2.8 แสนล้านบาท แบ่งเป็นจำหน่ายในประเทศ 60% หรือประมาณ 1.68 แสนล้านบาท และตลาดส่งออกที่ทำรายได้ให้ประเทศถึง 40%หรือกว่า 1.12 แสนล้านบาท