มร. ฮิเดยูกิ ทาเคดะ กล่าวว่า "การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับโลก "ซูเปอร์ จีที เรซ" ในประเทศไทยที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 6 บริดจสโตนถือเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันที่จะนำซึ่งเทคโนโลยีด้านการพัฒนายางรถยนต์ของบริดจสโตนให้เติบโตยิ่งขึ้น และเป็นการการตอกย้ำศักยภาพยางบริดจสโตนเป็นยางรถยนต์คุณภาพที่นักแข่งระดับโลกเลือกใช้และมอบความไว้วางใจ โดยในปีนี้ บริดจสโตนเรายังคงให้การสนับสนุนยางรถยนต์ POTENZA ให้กับทีมนักแข่ง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เอกสิทธิ์เฉพาะบริดจสโตนนำมาเพื่อใช้ในการแข่งขัน ซูเปอร์ จีที เรซ โดยเฉพาะ POTENZA ยางสุดยอดนวัตรกรรมที่มีคุณสมบัติอันโดดเด่นด้วยสมรรถนะการขับขี่ด้วยความเร็วควบคุมได้อย่างแมนย่ำในทุกสภาวะ บทพิสูจน์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับและความไว้วางใจจากนักแข่งระดับโลกเพื่อคว้าชัยชนะในสนามแข่งครั้งนี้
ยาง POTENZA ผลิตขึ้นสำหรับรถแข่งและรถยนต์สมรรถนะสูง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงสุดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการแข่งขันรถยนต์ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการยึดเกาะและการใช้งานบนพื้นถนนเปียก ช่วยให้นักแข่งควบคุมและขับขี่รถยนต์ได้เต็มประสิทธิภาพยาง Potenza จึงเป็นยางสำหรับการใช้งานบนนพื้นถนนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ บริดจสโตนเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนวงการกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ถือเป็นอีกภาระกิจที่ได้มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว และวงการกีฬาในประเทศไทย สำหรับการแข่งขันซูเปอร์ จีที เรซ 2019 ฤดูกาลนี้มีการแข่งขั้นทั้งสิ้น 8 สนาม สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสนามแข่งขันระดับโลกสนามที่ 4 และเป็นสนามนอกประเทศญี่ปุ่นแห่งเดียวที่ได้รับเลือก สำหรับทีมที่ใช้ยาง POTENZA เพื่อการแข่งขันมีทั้งหมด 14 ทีม ในรุ่นจีที 500 จำนวน 9 ทีมและรุ่นจีที 300 จำนวน 5 ทีม สำหรับในปีนี้ทีมที่ชนะการแข่งขัน Super GT Series 2019 สนามในประเทศไทยในรุ่นจีที 500 คือ ทีม WAKO' S ACR LC500 จาก LEXUS นักแข่งคือ คาซูยะ โอชิมะ และเคนตะ ยามาชิตะ ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 44 นาที จำนวน 66 รอบ บริดจสโตนมั่นใจได้ว่าการแข่งขันในปีนี้ทำให้คุณได้สัมผัสความเร็วของจริงจากชัยชนะไปพร้อมกับทีมที่ใช้ยางบริดจสโตนถึงขอบสนาม"
เกี่ยวกับ บริดจสโตน
บริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น มีสำนักงานใหญ่ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นบริษัทผลิตยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์ยางที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากการผลิตยางรถยนต์สำหรับการนำไปใช้ที่หลากหลายกว้างขวางแล้ว ยังผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่หลากหลายครอบคลุมในวงกว้างซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ยางอุตสาหกรรมและเคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์กีฬา ผลิตภัณฑ์ของบริดจสโตน มีจำหน่ายมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย บริดจสโตนประสบสำเร็จในการเป็นผู้นำทางการตลาดยางรถยนต์ในประเทศตลอดกว่า 50 ปี นับตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการในปี พ.ศ. 2512 โดยมีแนวทางการทำงาน คือ มุ่งมั่น ริเริ่ม สร้างสรรค์ คิดค้น วิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกๆด้านให้ดีที่สุดและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในประเทศ ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การนำเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในกระบวนการผลิต การตรวจสอบควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน นอกจากนี้บริดจสโตนยังส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสังคมให้สอดคล้องกับปรัชญาที่ยึดมั่นเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลกว่า "รับใช้สังคม ด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า" (Serving Society with Superior Quality)