นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ (Mr.Viwat Techapoonphol, Deputy Managing Director, Head of Technical Analysis, TISCO Securities Co., Ltd) กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยในงานสัมมนา TISCO Monthly Guru Updates ว่า บล.ทิสโก้คาดว่าหุ้นไทยในเดือนกรกฎาคมจะปรับตัวขึ้นไปแตะแนวต้านที่ระดับ 1,760 จุดได้ หลังสหรัฐฯ และจีนมีท่าทีจะสงบศึกสงครามการค้าชั่วคราว พร้อมทั้งได้รับแรงหนุนจากนโยบายการเงินผ่อนคลายทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 กรกฏาคมนี้
ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็พร้อมจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และทำ QE รอบใหม่ หากเศรษฐกิจทรุดตัวจากผลกระทบของสงครามการค้า ส่วนธนาคารกลางจีน (PBoC) อาจจะปรับลดอัตราส่วนเงินกันสำรองขั้นต่ำของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25-0.50% ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะเริ่มส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป
"ที่ผ่านมาธปท. มักจะดำเนินนโยบายการเงินที่สอดคล้องไปกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และตอนนี้เงินบาทยังแข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปี จึงประเมินว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 7 สิงหาคมนี้ อาจจะเริ่มเห็นการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยลง ซึ่งจะหนุนให้หุ้นไทยโดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้" นายวิวัฒน์กล่าว
สำหรับหุ้นแนะนำในเดือนกรกฎาคม 2562 แนะนำให้เข้าซื้อเมื่อหุ้นไทยลงมาที่แนวรับ 1,705-1,720 จุด แบ่งออกเป็น 4 ธีมหลัก คือ 1.ธีมผลประกอบการไตรมาส 2/2562 ที่คาดว่าจะประกาศออกมาดี ได้แก่ EASTW, CK, MAJOR และ SCCC 2.ธีมหุ้นที่เป็นเป้าหมายของเงินทุนต่างชาติ และราคายังมี Upside ได้แก่ BBL, INTUCH, LH และ GPSC 3. ธีมหุ้นที่ได้ผลเชิงบวกจากเมกะโปรเจกต์ และการบริโภคในประเทศ ได้แก่ CPALL, STEC และ ROJNA 4.ธีมหุ้นปรับขึ้นน้อยกว่าตลาด ซึ่งแนะนำให้เข้าซื้อเมื่อราคาปิดวันเพิ่มขึ้นกว่า 2% เมื่อเทียบจากวันก่อนหน้า ได้แก่ TMB, PTTEP, BCP, PTTGC, IRPC และ LPN
นายวิวัฒน์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ต้องจับตาว่าหุ้นไทยจะสามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,760 ได้หรือไม่ ซึ่งหากสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ หุ้นไทยจะปรับขึ้นไปทำแนวต้านต่อไปที่ 1,810 จุด และมีแนวต้านถัดไปที่ 1,850 จุด โดยมีแรงหนุนสำคัญจากแรงซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งกลับมามีสถานะซื้อสุทธิ 4.6 หมื่นล้านบาท ในเดือนมิถุนายน 2562 และในช่วงหลังจากนี้จนถึงสิ้นปี 2562 บล.ทิสโก้คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาอีก 6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสะสมมากถึง 6 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 1 แสนล้านบาท จึงมีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อเท่ากับค่าเฉลี่ยที่เคยเทขายไป
ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำมากเพียง 28.2% ต่ำกว่าช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2551 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ปกติจะถือครองหุ้นไทยอยู่ที่ 31-32% และจากการศึกษาข้อมูลในอดีต ทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท ที่นักลงทุนต่างชาติซื้อหรือขายสุทธิจะมีผลให้ดัชนีหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลง 22-23 จุด นอกจากนี้ อาจจะมีข่าวดีจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อลดปัญหารัฐบาลไร้เสถียรภาพ ประกอบกับมีโอกาสที่ประเทศไทยจะถูกปรับอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating) ขึ้น หลังจากไม่ได้รับการปรับอันดับมากว่า 13 ปีแล้ว
ส่วนสาเหตุที่บล.ทิสโก้มองว่ามีโอกาสที่ไทยจะถูกปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ เนื่องจากประเทศไทยกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอีกครั้งแล้ว อีกทั้งปัจจัยพื้นฐานของประเทศยังแข็งแกร่งขึ้นมากเมื่อเทียบกับอดีต และแข็งแกร่งกว่าบางประเทศที่ที่มีอันดับสูงกว่าไทย อีกทั้งอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดลดลงต่อเนื่องมาอยู่ในระดับต่ำเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2551 จึงคาดว่าหากมีการปรับเพิ่มอันดับจริงจะทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาสนใจประเทศไทยมากขึ้นอีก
ทั้งนี้ งานสัมมนา TISCO Monthly GURU Updates เป็นหนึ่งในกิจกรรมสัมมนาที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือนเพื่อเผยแพร่บทวิเคราะห์และทิศทางการลงทุนเพื่อช่วยให้ลูกค้าทิสโก้และนักลงทุนบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ตามกลยุทธ์ของทิสโก้ในการเป็นผู้แนะนำการลงทุนชั้นนำหรือ Top Advisory House