ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตภายในประเทศ
อันดับเครดิตภายในประเทศของ KTBST พิจารณาจากความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวบริษัทเอง และยังสะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจหลักทรัพย์ (franchise) ในประเทศไทยของบริษัทที่มีขนาดเล็ก โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านมูลค่าการซื้อขายประมาณ 1% ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2562 นอกจากนี้อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงฐานเงินทุนที่ยังคงมีขนาดค่อนข้างเล็กและมีระดับหนี้สินสูงกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์ที่จัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์ และบริษัทยังคงมีความเสี่ยงในด้านความสามารถในการะดมเงินและสภาพคล่อง (funding and liquidity) ในระยะปานกลาง เนื่องจากผลการระดมทุนของบริษัทที่ผ่านมายังไม่ได้รับการทดสอบเพียงพอว่ามีเสถียรภาพและสม่ำเสมอ รวมทั้งบริษัทยังมีประวัติในการระดมเงินในตลาดทุนที่ค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีสินทรัพย์สภาพคล่องและวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้เป็นปัจจัยช่วยบรรเทาความเสี่ยงด้านการะดมเงินและสภาพคล่องได้ในระยะสั้น
ฟิทช์คาดว่ารายได้และอัตรากำไรของ KTBST แม้ว่าจะมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้นแต่อาจมีความผันผวนสูงกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นในประเทศในระยะปานกลาง เนื่องจากบริษัทยังมีเครือข่ายการดำเนินธรุกิจหลักทรัพย์ที่ด้อยกว่า ซึ่งสะท้อนได้จากโครงสร้างธุรกิจของบริษัทที่อยู่ช่วงเริ่มต้นและกำลังพัฒนาและการที่บริษัทยังคงมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง KTBST อาจมีความเสี่ยงเพิ่มเติมได้จากการที่บริษัทมีระดับการยอมรับความเสี่ยง (risk appetite) ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับความสามารถในการควบคุมความเสี่ยงของบริษัท แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทได้เลื่อนออกไปเป็นปี 2563 ซึ่งถ้าดำเนินการแล้วเสร็จน่าจะช่วยให้ KTBST มีฐานะเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นและสอดคล้องกับอันดับเครดิต ณ ระดับปัจจุบันมากขึ้น เนื่องจากบริษัทไม่ได้คาดว่าจะทำการขายหุ้นใหม่จำนวนมากในการเข้าตลาด
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน
อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ KTBST อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทอยู่ 1 อันดับ เพื่อเป็นการสะท้อนถึงความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risks) ของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีมากกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิ เนื่องจากผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิจะมีลำดับสิทธิในการเรียกร้อง (priority of claims) ด้อยกว่าเจ้าหนี้สามัญ ฟิทช์ไม่ได้ปรับลดอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวเพิ่มเติม เนื่องจากหุ้นกู้ด้อยสิทธินั้นไม่มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption features) และไม่มีคุณสมบัติการแปลงเป็นทุน (equity conversion)
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตภายในประเทศ
ฟิทช์มองว่าโอกาสที่อันดับเครดิตจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับในระยะสั้นนั้นมีค่อนข้างจำกัด อันดับเครดิตของบริษัทได้สะท้อนถึงแนวโน้มการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของฐานะทางการเงิน ในขณะที่การปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีนัยสำคัญในด้านของขนาดของกิจการ เครือข่ายธุรกิจในประเทศ และโครงสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินที่สำคัญโดยรวม น่าจะต้องใช้เวลาอีกซักระยะหนึ่ง การปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของผลการดำเนินงานโดยรวมและอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ จะช่วยให้อันดับเครดิตของบริษัทให้มีความมั่นคงมากขึ้น ณ ระดับปัจจุบัน
ในขณะเดียวกันหากแนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของฐานะทางการเงินที่ผ่านมา มีการกลับตัวเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่แย่ลง เช่น การปรับตัวแย่ลงอย่างมากในด้านฐานะเงินทุน ด้านอัตรากำไรที่ลดลง หรือ การลดลงของสภาพคล่อง ในระดับที่มากกว่าการคาดการณ์ของฟิทช์และแนวโน้มของอุตสาหกรรมโดยรวม เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบเชิงลบต่ออันดับเครดิต นอกจากนี้สภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่แย่ลงหรือภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น อาจะส่งผลกระทบในเชิงลงต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้เช่นกัน เนื่องจากบริษัทยังมีเครือข่ายธุรกิจหลักทรัพย์ที่มีขนาดจำกัด
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ
การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTBST น่าจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ
รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับเครดิต ที่ 'BB(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับเครดิต ที่ 'B(tha)'
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ คงอันดับเครดิตที่ 'BB-(tha)'