นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกมิติ ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี มีผลทำให้ประเทศต่างๆ ในโลกต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และมีความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น อีกทั้งยังมี ธีมธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก (Megatrends) จึงนับเป็นโอกาสอันดีของนักลงทุนไทยที่จะสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวไปกับ Megatrends ได้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย เปิดเสนอขาย กองทุนเปิดเค โกลบอล ไฮ อิมแพ็ค ธีมาติก หุ้นทุน (K-HIT) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนผ่านกองทุนหลัก Allianz Global Investors Fund – Allianz Thematica Share Class P (EUR) ที่เน้นกระจายการลงทุนในหลากหลายธีมธุรกิจที่สอดคล้องกับ Megatrends ใน 4 ด้าน ได้แก่ การขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) นวัตกรรมและเทคโนโลยี (Technological Innovation) ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด (Resource Scarcity) และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและสังคม (Demographic & Social Change) โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกในระหว่างวันที่ 9-19 กรกฎาคม 2562
นายวศินกล่าวต่อไปว่า Megatrends คือกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในหลากหลายด้าน ที่สามารถสร้างผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนทั่วโลกในระยะเวลา 20-100 ปีข้างหน้า ซึ่งในระหว่างทางจะส่งผลให้เกิดธีมธุรกิจใหม่ๆ ตามความสนใจจากคนทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ทั้งนี้ กองทุนหลักบริหารโดย Allianz Global Investors บริษัทจัดการสัญชาติเยอรมัน ที่มีประสบการณ์การลงทุนในภูมิภาคเอเชียยาวนานกว่า 30 ปี และมีความเชี่ยวชาญด้านบูรณาการข้อมูลจากทีมวิจัยทั่วโลกผ่านระบบ Global Research Platform จะมาทำหน้าที่ ค้นหาธีมธุรกิจและหุ้นบริษัทชั้นนำที่น่าสนใจ มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต และสอดรับกับ Megatrends นอกจากนี้ กองทุนหลักยังมีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และติดอันดับ Top Quartile อย่างสม่ำเสมอ (ข้อมูลจาก Morningstar ณ 31 พ.ค. 62)
"สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนหลัก จะใช้วิธีการลงทุนแบบ Thematic Investing โดยกระจายการลงทุนในหลากหลาย ธีมธุรกิจที่สอดรับกับ Megatrends เช่น ลงทุนในธีมธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งมีโอกาสเติบโตจาก Megatrends ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี (Technological Innovation) และธีมธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง (Pet Economy) ที่ได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนหลักจะผสมผสานเทคนิคการลงทุนทั้งการวิเคราะห์ในเชิงมหภาค (Top-down Approach) และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Bottom-up Approach) เพื่อคัดเลือกหุ้นบริษัทที่มีความน่าสนใจ และมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยไม่จำกัดทั้งขนาดและกลุ่มอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีการดำเนินงานและให้ผลตอบแทนชัดเจน มีสินค้าและบริการที่มีผู้ใช้งานอยู่จริง ภายใต้ธีมธุรกิจที่สอดรับกับ Megatrends อย่างไรก็ดี ธีมธุรกิจจะมีการเปลี่ยนอย่างน้อย 1 ธีมในทุกปี เมื่อธีมธุรกิจที่ลงทุนอยู่เดิมเริ่มเติบโตค่อนข้างจำกัด และมีความน่าสนใจลดน้อยลง" นายวศินกล่าว
นายวศินกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน K-HIT เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตไปกับ Megatrends และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ อีกทั้งยังสามารถลงทุนได้ในระยะยาว 5 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ ผู้ลงทุนเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่านแอป K-My Funds หรือ ธนาคารกสิกรไทย และตัวแทนสนับสนุนการขายของ บลจ.กสิกรไทย โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหุ้นต่างประเทศอาจมีความผันผวนตามสภาวะตลาดและค่าเงิน กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้