นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด(บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า หากวิเคราะห์จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยของตลาดโลกในช่วงครึ่งปีหลังถัดจากนี้ บริษัทมองว่า อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง นำโดยธนาคารกลางทั่วโลกโดยเฉพาะของประเทศเศรษฐกิจหลัก อาทิ ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) และ ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกลางของประเทศอื่นมีแนวโน้มพิจารณาอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน เพื่อรักษาส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในประเทศและต่างประเทศไม่ให้มีความแตกต่างกันมากนัก สำหรับธนาคารกลางแห่งประเทศไทย(ธปท.) บริษัทคาดว่า มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงภายในปีนี้เช่นกัน
" ที่ผ่านมาเฟดเริ่มส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่า เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างช้าในเดือนกันยายนนี้ ขณะที่คาดการณ์ว่า อีซีบี จะส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกันอีก จากระดับติดลบในปัจจุบัน อีกทั้งพร้อมใช้มาตรการ QE ควบคู่ด้วย ทั้งนี้ หากมองจากปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ย ผลที่เกิดจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้การลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียวอาจได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง" นายพจน์กล่าว
ในแง่ของการลงทุนนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่มีความสนใจในการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ควรปรับพอร์ตการลงทุนและเลือกหาสินทรัพย์อื่น เพื่อชดเชยผลกระทบบางส่วนที่เกิดขึ้นจากปัจจัยดังกล่าว โดยบริษัทวิเคราะห์ว่า การลงทุนในกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT อัตราผลตอบแทนยังคงน่าสนใจและยังคงอยู่ในระดับสูงตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยหากพิจารณาอัตราผลตอบแทนของ REIT เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของเงินปันผลจากการลงทุนในหุ้น ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ และ เงินฝาก เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3% พันธบัตรรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ประมาณ 2.5% เงินฝากอยู่ที่ประมาณ 0.75% ตามลำดับ
นายพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากมุมมองของการปรับพอร์ตการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนในตราสารหนี้ บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ ดีไลท์ (ONE-DELIGHT) ระหว่างวันที่ 8 – 18 กรกฎาคมนี้ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ สัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 80% และ อีกประมาณ 20% จะลงทุนในกองทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT เนื่องจากบริษัทมองว่า การกระจายการลงทุนในกองทุน REIT จะได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่มที่น่าสนใจ ขณะที่ยังมีความผันผวนน้อยกว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้
ทั้งนี้ กองทุน ONE- Delight จะพิจารณาเลือกลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ A- ขึ้นไป ตั๋วแลกเงินภาคเอกชนในประเทศที่ผู้ออกตราสารมีอันดับความน่าเชื่อถือที่สามารถลงทุนได้ และพันธบัตรรัฐบาลไทยเป็นหลัก โดยมี Duration เฉลี่ยประมาณ 1 ปี สำหรับกองทุนดังกล่าว เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ และสามารถถือลงทุนได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป