สง่า ฉัตรชัยรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีการทรานส์ฟอร์มรูปแบบการลงทุนสร้างภาพยนตร์จากการลงทุนรายเดียวเป็นการจับมือพันธมิตรธุรกิจที่มีความชำนาญเฉพาะด้านร่วมทุนสร้างภาพยนตร์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ อีกทั้งยังมีส่วนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนั้น ๆ มีคุณภาพและประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นจากความชำนาญของแต่ละพันธมิตร
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง "โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง" เป็นภาพยนตร์ที่บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัทพันธมิตร ได้แก่ บริษัท บีฮีมอธ แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเป็น บริษัท มีเดีย เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ บริหารงานโดย คุณวิบูลย์ ลีรัตนขจร จะช่วยในเรื่องของการวางกลยุทธ์การตลาดและสื่อประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ผ่านทางสื่อต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับ บริษัท นอร์ธสตาร์ สตูดิโอ จำกัด บริษัทสร้าง CGI, ANIMATION และสร้างภาพยนตร์ ซึ่งเข้ามาช่วยในเรื่อง CG (Computer Graphic) ที่ผ่านมาเคยร่วมทุนสร้างภาพยนตร์เรื่อง "แสงกระสือ" มาก่อนหน้านี้ และมีแผนที่จะร่วมทุนสร้างภาพยนตร์ร่วมกันอีก 5-6 เรื่อง รวมถึงได้ร่วมกับ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่เชี่ยวชาญเรื่องการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ การลงทุนกับทั้ง 3 บริษัทพันธมิตรนั้น มีแผนการลงทุนแบบระยะยาวเป็นการใช้เงินลงทุนและกำไรหมุนเวียนในการสร้างภาพยนตร์เรื่องต่อ ๆ ไป ในอนาคตบริษัทฯ มีแผนที่จะร่วมทุนกับพันธมิตรจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น การสร้างภาพยนตร์โดยไม่มีพันธมิตรจะทำให้สร้างได้ไม่กี่เรื่อง แต่การร่วมทุนจะทำให้สามารถสร้างภาพยนตร์ได้จำนวนเรื่องมากขึ้น คนดูเกิดความต่อเนื่องที่จะได้ดูผลงานของค่ายหนังนั้น ๆ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการสร้างภาพลักษณ์ให้กับค่ายหนัง
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง "โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง" สง่า กล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องของการสร้างแรงบันดาลใจ หากภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถทำให้คนดูหนังแล้ว มีแรงบันดาลใจไปทำอะไรสักอย่างที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นก็ถือว่าหนังประสบความสำเร็จ และจะดีมากยิ่งขึ้นหากภาพยนตร์เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จด้านรายได้ด้วย ก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจในการลงทุนกับโปรเจคแบบนี้ และส่งผลให้ในวันข้างหน้าจะมีโปรเจคดี ๆ ออกมาให้คนดูได้ดูกันมากขึ้น และจะเป็นการช่วยสร้างแบรนดิ้งให้คนดูรู้ว่า ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม สามารถทำหนังได้หลากหลาย genre และทำหนังดี ๆ เหมาะกับคนดูในยุคปัจจุบัน
ด้าน วิบูลย์ ลีรัตนขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีฮีมอธ แคปปิตอล จำกัด กล่าวว่า เรามีการพูดคุยกันเรื่องอยากสร้างงานที่ใหญ่กว่าบริษัทเดียวจะทำงานเองได้ ซึ่งเราก็รู้จักกันอยู่แล้วจึงชวนกันมาร่วมกันทำงานในโปรเจค "โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง" ที่มีความน่าสนใจ โดยมีความเห็นร่วมกันว่าเราน่าจะนำข้อดีและจุดแข็งของแต่ละบริษัทพันธมิตรมาทำงานร่วมกันก็จะทำให้ได้ชิ้นงานใหญ่มากขึ้นและออกมาประสบความสำเร็จได้มากขึ้น มิติใหม่ในครั้งนี้ก็จะเป็นการรักษาไว้ให้ภาพยนตร์ไทย สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้มากขึ้น และเป็นการรักษาไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมของความเป็น ภาพยนตร์ไทยของเราให้สามารถเติบโตไปในระดับโลกได้ด้วย
แนวโน้มในการลงทุนร่วมกันครั้งต่อไปมีแน่นอน ปลายปีนี้ บีฮีมอธ จะร่วมกับ เอ็ม พิคเจอร์ส ทำภาพยนตร์ร่วมกันหนึ่งเรื่อง คือ เรื่อง "ขุนแผน ฟ้าฟื้น" ซึ่งกำหนดจะฉายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วน โปรเจคอื่น ๆ มีโอกาสได้ร่วมกันต่อไป ซึ่งความร่วมมือกันครั้งนี้น่าจะเป็นตัวอย่างให้หลาย ๆ บริษัทได้เห็นว่า จริง ๆ เราสามารถเอาจุดแข็งของบริษัทเรามาร่วมมือกันเพื่อสร้างชิ้นงานดี ๆ ให้ผู้ชมมีความสุขและจะเป็นชิ้นงานที่ประสบความสำเร็จได้ ผมเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีในการที่จะให้คนในอุตสาหกรรมนี้จับมือกันและมีความสามัคคีในการทำงานร่วมกันมากขึ้น
ส่วน ดร.วิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท นอร์ธ สตาร์ สตูดิโอ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์งานภาพยนตร์ไทยให้เป็นไปในระดับมาตรฐาน ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง "โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง" เป็นโปรเจคที่จะสร้างแรงบันดาลใจที่ดี และถ้าเราร่วมกับยอดฝีมือในอุตสาหกรรมที่เป็นคนรุ่นใหม่มีความคิดแบบใหม่มีความกล้าก็น่าจะสร้างสรรค์งานภาพยนตร์ที่เป็นมาตรฐานที่ดีให้กับประเทศไทยได้
สำหรับความร่วมมือของทั้ง 4 บริษัทพันธมิตรที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่มาร่วมทุนกันเราได้ใช้ความรู้ความสามารถและความคิดเห็นของเราที่มีมาสร้างภาพยนตร์ไทยที่ดี เราคาดหวังอยากให้มีคนมาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ หรืออย่างน้อยภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์ที่มีคนพูดถึงในวงกว้างแล้ว ก็จะเป็นมาตรฐานของภาพยนตร์ไทยที่ดีในปีนี้ นอกจากนี้ เราอยากให้ภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้สามารถส่งออกไปขายนอกประเทศไทยได้ อย่างที่เราเคยทำภาพยนตร์ส่งไปยังกลุ่มประเทศ CLMV มาแล้ว และอยากจะให้ไปไกลถึงประเทศจีนและอเมริกาด้วย ภาพยนตร์ไทยที่มีเนื้อหาอย่างโปรเมอาจจะมีโอกาสบ้าง เราในฐานะทีมทำงานมีความคิดว่านี่อาจเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยที่สามารถสร้างความภูมิใจให้กับคนไทยในระดับสากล
การทำงานของ ทรานฟอร์เมชั่น ฟิล์ม เรามองว่านี่เป็นการทำงานในการสร้างสรรค์งานภาพยนตร์ไทยในส่วนที่เรามีความรู้สึกว่ามีวิสัยทัศน์ที่ตรงกัน ขณะนี้เรามีการเจรจาที่จะร่วมกันทำงานสร้างภาพยนตร์ไทยให้ได้ในระดับมาตรฐานต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งในปีนี้เราก็มองอีก 6 เรื่อง ที่จะทำร่วมกันต่อไปและด้าน พรชัย ว่องศรีอุดมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า เอ็ม พิคเจอร์ส เป็นบริษัทที่ทำการตลาดและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ เรามีเป้าหมายที่จะทำให้ภาพยนตร์ไทยมีความหลากหลาย และพยายามขับเคลื่อนวงการภาพยนตร์ไทยให้ก้าวไปข้างหน้า จึงได้ชวนพันธมิตรทางธุรกิจมาลงทุนร่วมกัน
สำหรับ โปรเม เป็นคนดังระดับโลก และที่สำคัญเป็นคนไทย ซึ่งมีคนรู้จักในวงกว้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เราอยากรู้ว่าจากครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่ง เขาทุ่มเทอะไรให้กับลูกเขาจนมาเป็นแบบนี้ได้ มันจึงมีความน่าสนใจ และเรื่องนี้ยังเป็นอะไรที่สากลที่เราคิดว่าสามารถที่จะส่งออกได้ หนังประเภทนี้ในต่างประเทศสนใจมาก สามารถนำมาเป็น Content ที่เป็นทั้งเรื่องของคนไทยที่อยู่ในระดับโลก เป็นเรื่องที่สามารถทำให้ทุกคนหันกลับมามองหนังไทย ดังนั้นจึงนำเรื่องนี้ขึ้นมาทำเป็นภาพยนตร์ และเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่ดูหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะที่เป็นกลุ่มเยาวชนเด็กรุ่นใหม่ของไทยได้เดินก้าวต่อไปตามแบบอย่างที่ดีได้
คาดว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้จะทำให้ตลาดภาพยนตร์ไทยคึกคัก สร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย สามารถเป็นสินค้าส่งออกที่ดี เรากำลังขยายตลาดนอกจากประเทศไทย โดยส่งไปถึงที่ ลาว และกัมพูชาแล้ว เรามีพาร์ทเนอร์กับ AEC แทบทั้งหมด ที่จีนก็มีการพูดคุยกัน และเริ่มเปิดตลาดที่อเมริกาและยุโรปไปแล้ว
ส่วนแผนการร่วมทุนของ เอ็ม พิคเจอร์ส ก็มีการลงทุนร่วมกับหลาย ๆ บริษัทที่มีความเหมาะสมในแต่ละภาพยนตร์ อาทิ ภาพยนตร์ "ขุนแผน ฟ้าฟื้น" ก็ร่วมทุนกับ บีฮีมอธ ส่วนในกลุ่มนี้ทั้ง 4 บริษัทพันธมิตรก็ยังมีการร่วมทุนกันต่อไปในอนาคต และยังมีการขยายการลงทุนภาพยนตร์ไทย ไปยังบริษัทอื่น ๆ ที่น่าสนใจด้วย เช่น ภาพยนตร์เรื่อง "ไบค์แมน 2" และ "มิสเตอร์ดื้อ นักตื๊อเหรียญทอง" ก็ลงทุนร่วมกับ เวิร์คพอยท์