ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2562 จำนวน 9,347 ล้านบาท

ศุกร์ ๑๙ กรกฎาคม ๒๐๑๙ ๐๘:๕๘
ในปี 2562 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากผลพวงของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงและความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศหลัก รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง กอปรกับแนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนที่น่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จลุล่วง โดยความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นจากความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และความชัดเจนของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2562 ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 9,347 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 จากไตรมาส 2 ปี 2561 โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.36 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงร้อยละ 1.0 สาเหตุหลักจากกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงเล็กน้อยจากค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์ซึ่งลดลงตามสภาวะตลาดทุน ขณะที่ค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมเพิ่มขึ้น ทำให้สัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและสัดส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้จากการดำเนินงานยังคงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 57 และร้อยละ 43 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากความตั้งใจในการกระจายแหล่งที่มาของรายได้ สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 45.3

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,017,314 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เป็นการลดลงของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจและสินเชื่อกิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 3.5 อยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลกระบวนการอำนวยการสินเชื่อ พร้อมทั้งบริหารคุณภาพสินเชื่อควบคู่กับการดำรงค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ร้อยละ 185.8

ธนาคารยังคงรักษาสภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่สามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 เงินรับฝากมีจำนวน 2,352,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 85.7 ด้านเงินกองทุน หากนับกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 รวมเข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 19.1 ร้อยละ 17.6 และร้อยละ 17.6 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ