นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความสำเร็จของการจัดงาน BIOFACH Southeast Asia 2019 และ Natural Expo Southeast Asia 2019 งานแสดงและจำหน่ายสินค้าอินทรีย์และสินค้าธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2 ว่า ตลอดการจัดงาน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Organic Gateway to Southeast Asia" รวมเหล่าผู้ผลิตและผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์ทั้งในประเทศและระดับสากล เข้าร่วมออกบูธแสดงและจำหน่ายสินค้ามากกว่า 500 บูธ ซึ่งตลอด 4 วัน มีผู้เข้าชมงานอย่างคับคั่งกว่า 50,000 คน ทั้งไทยและต่างประเทศ ส่งผลให้มียอดเจราธุรกิจ (Business matching) ยอดซื้อสินค้า และยอดค้าปลีกภายในปีนี้รวมกว่า 52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 42% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีมูลค่าอยู่ที่ 36.5 ล้านบาท โดยยอดการค้าภายในงานแบ่งเป็น ยอดจำหน่ายปลีกและยอดสั่งซื้อ 40 ล้านบาท ยอดจากการเจรจาธุรกิจอีกกว่า 12 ล้านบาท และคาดว่าหลังจบงานจะมียอดขายตามมาอีกไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท
"จากผลสำรวจภายในงานพบว่าในปีนี้ ที่น่าสนใจคือมีกลุ่มผู้สนใจเข้าร่วมเจรจาธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 30% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ในช่วงระหว่าง Gen YและGen X ที่สนใจและต้องการต่อยอดธุรกิจสินค้าอินทรีย์ส่งออก และจากตัวเลขยอดมูลค่าการสั่งซื้อในงานที่เพิ่มขึ้นน่าจะมาจากปัจจัยหลายประการ ทั้งจากกระแสความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและราคาสินค้าออร์แกนิคในปัจจุบันไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่สูงมากนัก ด้านผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา และการที่ผู้ประกอบการนำผลิตภัณฑ์รวมทั้งสินค้าใหม่มาเปิดตัว ตลอดจนโปรโมชั่นและส่วนลดที่มอบพิเศษให้สำหรับลูกค้าผู้เข้าร่วมงาน เป็นต้น อีกทั้งในส่วนของคุณภาพสินค้า ความทันสมัยของแพ็คเกจสินค้า ประกอบกับความสะดวกในการสั่งซื้อ เหล่านี้จึงช่วยกระตุ้นให้ผู้ซื้อตัดสินใจหันมาบริโภคสินค้าออร์แกนิคง่ายยิ่งขึ้น"
ด้านการประมวลผลข้อมูลผู้ลงทะเบียนเข้าชมงาน สินค้าอินทรีย์และสินค้าธรรมชาติที่ได้รับความสนใจสั่งซื้อมากที่สุดเป็นสินค้าประเภทกลุ่มสินค้าอาหารด้านผลิตภัณฑ์การเกษตร ได้แก่ พืชผัก สมุนไพรไทย ผลไม้ และสินค้าแปรรูปทางการเกษตร มียอดสั่งซื้อสูงกว่า 25 ล้านบาท ถัดมาเป็นสินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายจากธรรมชาติ จากศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ หรือ SACICT มียอดจำหน่ายปลีกและเจรจาธุรกิจภายในงานมากกว่า 3.8 ล้านบาท ส่วนสินค้าประเภทเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ ก็นับว่ามียอดซื้อขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการต่างชาติได้แก่ พืชผัก สมุนไพรไทย
"จากความสำเร็จของการจัดงานในครั้งนี้ นับเป็นการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเพิ่มการขยายตัวทางเศรษฐกิจเข้าสู่ประเทศได้มากขึ้น ทั้งจากการสนับสนุนของภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ผลิต ผู้ประกอบการและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ไทยมีความแข็งแกร่งในด้านเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับมาตรฐานเทียบชั้นสากล อีกทั้งสินค้ายังเป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากขึ้น โดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เชื่อว่าสำหรับการจัดงานในปีต่อๆ ไปจะได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นไปอีก สำหรับตลาดสินค้าอินทรีย์ของประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ซึ่งหากมีผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ผ่านมา คาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้เราจะก้าวไปสู่ตลาดในภูมิภาคและของโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน"
สำหรับงาน BIOFACH Southeast Asia 2020 และ Natural Expo Southeast Asia 2020 ทางกรมการค้าภายใน และบริษัท นูเรมเบิร์ก เมสเซ่ จำกัด ประเทศเยอรมนี ยังคงปรึกษาวางแผนต่อยอดความสำเร็จของการจัดงานในครั้งต่อไป ซึ่งตั้งเป้าว่าจะสามารถเพิ่มยอดซื้อขายภายในงานเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 โดยได้กำหนดจัดงานขึ้นในช่วง กรกฎาคม 2563 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นายวิชัยกล่าวสรุป