ฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิต JWD InfoLogistics เป็น BBB(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

พุธ ๒๔ กรกฎาคม ๒๐๑๙ ๑๑:๕๗
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ของบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD เป็น BBB(tha) จาก BBB+(tha) และปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ของบริษัทฯ เป็น F3(tha) จาก F2(tha) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

การปรับลดอันดับเครดิตเป็นลบสะท้อนถึงความเห็นของฟิทช์ว่า JWD น่าจะยังคงมีอัตราส่วนหนี้สิน ซึ่งวัดจาก อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) อยู่ในระดับสูงในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวอยู่ในระดับ 4.3 เท่า ณ สิ้นปี 2561 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนและเงินลงทุนที่สูงประมาณ 1 พันล้านบาทในปี 2561 ฟิทช์คาดว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุนและเงินลงทุนในปี 2562 น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ในขณะที่กระแสเงินสดรับจากเงินลงทุนเหล่านี้น่าจะค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว ทำให้อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ น่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 3 เท่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

อัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับสูงจากการลงทุน: แผนการลงทุนของ JWD ในปี 2562 ยังคงอยู่ในระดับสูงประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2561 โดยเป็นค่าใช้จ่ายลงทุนสำหรับการขยายห้องเย็นและการเข้าซื้อหุ้นประมาณร้อยละ 24 ในบริษัท Transimex Corporation ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดห้าอันดับแรกในประเทศเวียดนาม เพื่อเป็นการเข้าสู่ตลาดบริการโลจิสติกส์ในประเทศเวียดนาม ฟิทช์มองว่าสำหรับการลงทุนใน Transimex JWD มีการยอมรับความเสี่ยงที่มากขึ้น เมื่อเทียบกับการลงทุนของ JWD ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการใช้เงินลงทุนที่สูงในการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนที่เป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ซึ่งมีความสามารถที่จำกัดในการควบคุมกระแสเงินสดของ Transimex ฟิทช์ไม่คาดว่า Transimex จะมีการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงในช่วง 3 ปีข้างหน้า เนื่องจาก Transimex น่าจะมีการลงทุนที่สูงเพื่อรักษาอัตราการเติบโตให้ทันกับการเติบโตของตลาดโลจิสติกส์ในประเทศเวียดนาม

ธุรกิจที่แข็งแกร่ง: รายได้ของ JWD น่าจะเติบโตร้อยละ 15-17 ต่อปีในช่วงปี 2562-2563 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจ Food Service ที่เข้าซื้อกิจการมาในปีก่อน ซึ่งมีการรวมผลประกอบการเข้ามาเต็มปีเป็นปีแรกในปี 2562 และโครงการใหม่ในธุรกิจดังกล่าวในปี 2563 รวมถึงธุรกิจใหม่อื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจคลังสินค้าส่วนตัวและบริการจัดเก็บสินค้าด้วยตนเอง (Self-Storage) ธุรกิจขนย้ายเครื่องจักรขนาดใหญ่ เป็นต้น ในขณะที่รายได้จากธุรกิจปัจจุบันน่าจะยังคงเติบโตในอัตราร้อยละ 5-8 ต่อปีโดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากธุรกิจห้องเย็นและธุรกิจขนส่ง กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า ต่อรายได้ (EBITDAR Margin) ของ JWD อาจจะลดลงมาอยู่ในระดับร้อยละ 26-27 ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จากร้อยละ 34-35 ในช่วงปี 2559-2560 (2561: ร้อยละ 28.4) เนื่องจากธุรกิจ Food Service ที่เข้าซื้อกิจการมาน่าจะมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA Margin) ในระดับต่ำกว่าธุรกิจโลจิสติกส์ เนื่องจากการใช้เงินลงทุนที่ต่ำกว่า โดยอัตราส่วนกำไรดังกล่าวน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4-5 ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ฐานลูกค้าจากธุรกิจที่หลากหลาย: JWD มีฐานลูกค้าในหลากหลายธุรกิจ เนื่องจากสินค้าที่ JWD ให้บริการมีความหลากหลายตั้งแต่ สินค้าทั่วไป สินค้าอันตราย รถยนต์ จนถึงผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง นอกจากการให้บริการคลังสินค้าและการขนส่ง JWD ยังเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทั่วไปอื่นๆ แก่บริษัทและบุคคล เช่น บริการจัดการข้อมูลและเอกสาร บริการขนย้าย รวมถึงคลังสินค้าส่วนตัวและบริการจัดเก็บสินค้าด้วยตนเอง (Self Storage)นอกเหนือจากประเทศไทย JWD มีการขยายธุรกิจไปยังประเทศเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และอินโดนีเซีย ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ความได้เปรียบในการแข่งขันในระดับปานกลาง: JWD เป็นผู้ได้รับสัมปทานเพียงรายเดียวในการให้บริการดูแลรับฝากและขนย้ายสินค้าที่เข้าข่ายสินค้าอันตรายตามกฎหมาย ที่ทำการขนส่งผ่านท่าเรือแหลมฉบัง ส่วนการให้บริการโลจิสติกส์อื่นๆ ของ JWD ส่วนใหญ่จะอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีผู้ให้บริการหลักๆ เพียงไม่กี่ราย โดยที่ผู้ให้บริการแต่ละรายมีความแตกต่างกันในการให้บริการในระดับหนึ่ง เช่น พื้นที่ที่ให้บริการ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ดังนั้นฟิทช์จึงเห็นว่า JWD ได้รับประโยชน์จากการมีอุปสรรคในการเข้าสู่อุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับปานกลาง จากความต้องการเงินลงทุนที่สูง ความชำนาญ และประวัติในการให้บริการที่จำเป็นสำหรับสินค้าบางประเภท JWD เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการคลังสินค้าและลานวางสินค้าภายในบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง ที่ใหญ่ที่สุดสามรายแรกในด้านขนาดของพื้นที่ โดยท่าเรือแหลมฉบัง เป็นท่าเรือที่มีสินค้าขนส่งผ่านประมาณร้อยละ 80 ของสินค้าทั้งหมดที่ขนส่งผ่านเข้าออกจากประเทศไทยในปี 2561

ขนาดของธุรกิจที่เล็ก: JWD เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์อิสระ (Third-party Logistics Services Provider) โดยจะให้บริการลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่สำหรับงานประเภทซึ่งมีการจ้างผู้ให้บริการภายนอก (Outsourcing) แทนหน่วยงานภายในองค์กร ในขณะที่ลูกค้าอีกส่วนหนึ่งจะเป็นผู้ผลิตขนาดกลางและขนาดย่อม ธุรกิจนี้จึงมีขนาดเล็ก และอาจถูกจำกัดโดยขนาดของท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อความผันผวนของวัฏจักรเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ธุรกิจส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เกี่ยวข้องกับการให้บริการจัดการและรับฝากสินค้านำเข้าและส่งออกที่ท่าเรือ ทำให้บริษัทฯ มีความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของทรัพย์สินที่บริเวณท่าเรือแหลมฉบังเพียงแห่งเดียว อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศรวมถึงการขยายธุรกิจต่อเนื่องไปยังธุรกิจบริการอาหาร น่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจรวมถึงการกระจายความเสี่ยงได้ในระยะยาว

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

JWD เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดินแบบครบวงจรรายใหญ่ในประเทศไทย รายได้ประมาณร้อยละ 25 ของบริษัทฯ สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากมีสัญญาสัมปทานและสัญญาระยะปานกลางถึงระยะยาวรองรับ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF (BBB(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าขนาดกลางภายใต้แนวความคิดศูนย์การค้าชุมชน ถือเป็นบริษัทที่มีอันดับเครดิตที่เทียบเคียงได้กับ JWD ฟิทช์เห็นว่า SF มีลักษณะธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่า JWD จากการมีสัดส่วนรายได้ที่สามารถคาดการณ์ได้ที่สูงกว่าและมี EBITDAR Margin ที่สูงกว่า เนื่องจากสามารถส่งผ่านต้นทุนการดำเนินงานให้แก่ผู้เช่าได้มากกว่า นอกจากนี้ การมีสัญญาเช่ากับผู้เช่ายังช่วยทำให้ SF ไม่ได้รับผลกระทบโดยทันทีในกรณีที่เกิดสภาวะเศรษฐกิจขาลง อย่างไรก็ตาม SF มีสถานะทางการเงินที่อ่อนแอกว่า JWD ซึ่งชดเชยกับลักษณะธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่า ทำให้ทั้ง 2 บริษัท มีอันดับเครดิตอยู่ในระดับเดียวกัน

เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC, A(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ สถานะเครดิตโดยลำพัง bbb+(tha)) ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันและผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย JWD มีขนาดธุรกิจ ขนาดของรายได้และ EBITDAR ที่เล็กกว่า IRPC เป็นอย่างมาก และมีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่า IRPC เล็กน้อยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม IRPC ต้องเผชิญกับความเสี่ยงของสินค้าโภคภัณฑ์และมีความผันผวนของรายได้มากกว่า JWD ดังนั้น JWD จึงมีอันดับเครดิตที่ต่ำกว่าอันดับเครดิตเมื่อพิจารณาจากสถานะเครดิตโดยลำพัง ของ IRPC ที่ bbb+(tha) หนึ่งอันดับ

สมมุติฐานที่สำคัญ

สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

- อัตราการเติบโตของรายได้จากธุรกิจปัจจุบันที่ร้อยละ 5-8 ต่อปี ในปี 2562-2564

- รายได้ 700 ล้านบาท ถึง 800 ล้านบาทจากบริษัทย่อยในธุรกิจ Food Service ที่เข้าลงทุนในปี 2561 และธุรกิจใหม่อื่นๆ ในปี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการรวมรายได้เต็มปีจากบริษัทย่อยในธุรกิจ Food Service และรายได้ 1 พันล้านบาท ถึง 1.5 พันล้านบาทต่อปีจากธุรกิจดังกล่าวในปี 2563-2564

- EBITDAR Margin ลดลงมาอยู่ในระดับร้อยละ 26-27 ในปี 2562-2564 เนื่องจากธุรกิจ Food Service ที่มีอัตรากำไรต่ำกว่าธุรกิจปัจจุบัน

- ค่าใช้จ่ายลงทุนและเงินลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาทในปี 2562 และ 300 ล้านบาท – 400 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2563-2564

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยบวก:

- อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 3.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยลบ:

- การลงทุนที่สูงอย่างต่อเนื่องโดยใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืม หรือความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่อ่อนแอลง ทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) เพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับ 5.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง

สภาพคล่อง

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่เพียงพอ: JWD มีหนี้สินรวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 ที่จำนวน 2.7 พันล้านบาท ประมาณร้อยละ 49 จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยเงินกู้ระยะสั้นจำนวน 510 ล้านบาท จะถูกชำระคืนโดยเงินที่ได้รับจากเงินกู้ระยะยาวจำนวน 550 ล้านบาทที่เพิ่งได้รับจากธนาคาร สภาพคล่องของ JWD มีปัจจัยสนับสนุนจากเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 424.3 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินจากธนาคารและออกตราสารหนี้ในตลาดทุน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 JWD มีวงเงินกู้ระยะยาวที่ยังไม่ได้เบิกถอน (Committed Facilities) จำนวน 262 ล้านบาท และมีวงเงินกู้หมุนเวียนที่สามารถยกเลิกได้ที่ยังไม่ได้เบิกถอน (Uncommitted Facilities) ประมาณ 625 ล้านบาท

สรุปรายการปรับปรุงงบการเงิน

- ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจำนวน 14.4 ล้านบาท ที่บันทึกในค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ได้รับการจัดหมวดหมู่ใหม่ให้เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานปกติ ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้แก่ ขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน และค่าที่ปรึกษาเป็นหลัก

- ค่าเช่าจำนวน 13.9 ล้านบาทที่ไม่ใช่เงินสด ซึ่งเกิดจากค่าเฉลี่ยเส้นตรงของค่าเช่าทั้งหมดตลอดอายุสัญญาเช่า ได้รับการจัดหมวดหมู่ใหม่ให้เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานปกติ และไม่ได้ใช้ในการคำนวนหนี้สินจากสัญญาเช่า

- ค่าเช่าจำนวนประมาณ 16.5 ล้านบาท ไม่ได้ใช้ในการคำนวนหนี้สินจากสัญญาเช่า เนื่องจากเป็นค่าเช่าระยะสั้นที่ไม่ต่อเนื่อง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO