จากโครงสร้างธุรกิจของบริษัทที่มีลักษณะเป็น Holding Company มีบริษัทย่อยดำเนินงานด้านพลังงานและบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมอยู่แล้ว พื้นฐานธุรกิจที่มีอยู่สามารถเดินต่อไปได้ ทีมงานผู้บริหารชุดใหม่จึงวางแนวทางที่จะพัฒนาธุรกิจด้านพลังงานนี้ต่อไป และมุ่งขยายสู่การดำเนินงานด้านระบบสาธารณูปโภค ผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทน แต่จะปรับเปลี่ยนหลักการดำเนินงานในการขยายธุรกิจไปจากเดิม เปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้พัฒนาโครงการตั้งแต่ต้นน้ำ (Green Field Development) ซึ่งต่างจากในอดีตที่บริษัทเน้นการเข้าซื้อสินทรัพย์โรงไฟฟ้าจากผู้พัฒนาโครงการเจ้าอื่นที่ต้องใช้เงินจำนวนสูงมาก ผลตอบแทนจากเงินลงทุนต่ำ
โดยมองว่าการเข้าพัฒนาโครงการในประเทศที่มีนโยบายการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกชัดเจน และมีการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการและภาครัฐบาล มีความน่าสนใจและมีโอกาสสำเร็จสูง ซึ่งบริษัทจะลงทุนพัฒนาโครงการด้วยการใช้สินเชื่อโครงการตั้งแต่เริ่มการก่อสร้างเป็นหลัก โดยสถาบันการเงินที่ให้การสนับสนุนสินเชื่อจะร่วมตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโครงการ ตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปตลอดจน การใช้เงินทุนในแต่ละขั้นตอน อันจะเป็นการเพิ่มความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ สูงสุดแก่บริษัทและผู้ถือหุ้นโดยทั่วไป
หากแต่ในปัจจุบัน IFEC ยังเปรียบเป็นนักวิ่งที่ขาดน้ำ ขาดอาหาร และถูกโซ่ตรวนพันธนาการอยู่ การมุ่งพัฒนาธุรกิจจะยังไม่สามารถทำได้อย่างคล่องตัวนัก เพราะบริษัทต้องสร้างทีมที่แข็งแกร่งก่อน ซึ่งการเฟ้นหาผู้ร่วมทีมที่มีประสิทธิภาพมาร่วมงานกับ IFEC ถือเป็นหนึ่งในงานหินที่กำลังเร่งให้สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างอยู่ในขณะนี้ มั่นใจว่าเมื่อ IFEC ปลดแก้ปัญหาทุกอย่างได้แล้ว จะสามารถโชว์ศักยภาพได้อย่างเต็มที่พร้อมจะสร้างผลงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ดำเนินธุรกิจรายอื่นๆได้อย่างเท่าเทียม