ในส่วนของภาพรวมศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด ยังคงมีผู้เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา แม้สภาพเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาจะอยู่ในช่วงอ่อนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้บริการที่เป็นชาวต่างชาติ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขยับจำนวนเพิ่มขึ้นมาประมาณ 30% จากเดิมที่มีสัดส่วนเพียง 10% โดยเหตุผลสำคัญ คือ คุณภาพ เทคนิคการผ่าตัด ประสบการณ์และฝีมือความชำนาญของศัลยแพทย์ไทยที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ ทำให้ชาวต่างชาติเชื่อมั่นและเดินทางมาประเทศไทย เพื่อเข้ารับการทำศัลยกรรมอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่มีการโฆษณาก็ตาม โดยส่วนใหญ่จะเดินทางมาจากประเทศในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา และเอเชีย อยู่ในระดับกลุ่ม Hi-End เช่น แพทย์, ทนายความ, เจ้าของธุรกิจ, นักแสดงฮอลลีวูด ซึ่งศัลยกรรมยอดนิยมที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจคือ ศัลยกรรมดึงหน้า, ศัลยกรรมตา, ศัลยกรรมจมูก และศัลยกรรมเสริมหน้าอก
นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด เปิดเผยว่า
"ในช่วงที่ผ่านมา ศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด ยังคงได้รับความสนใจจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ถึงแม้สภาพเศรษฐกิจของไทยจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะชาวต่างชาติยังคงให้ความสนใจและเข้ามาทำศัลยกรรมเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 30% ซึ่งเหตุผลสำคัญ คือ ศัลยแพทย์ไทย มีชื่อเสียงทางด้านศัลยกรรมความงามตกแต่งในระดับโลก และได้รับการยอมรับจากคนทั่วทุกมุมโลกในเรื่องฝีมือ ความเป็นธรรมชาติ ทำให้ชาวต่างชาติให้ความเชื่อมั่นและเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อเข้ารับการทำศัลยกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคต คาดว่า ประเทศไทย จะสามารถก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผ่าตัดศัลยกรรมความงามโลกได้อย่างแน่นอน"
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังต่อจากนี้ ศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด ยังคงยึดแนวทางการสื่อสารผ่านเรื่องความปลอดภัย และคุณภาพเป็นหลัก ไม่เน้นการแข่งขันทางด้านราคา นอกจากนี้ จุดแข็งด้านเทคนิคการผ่าตัดเฉพาะทาง ทำให้เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปากในกลุ่มผู้สนใจทำศัลยกรรม รวมทั้ง รุกขยายฐานกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติ และกลุ่มคนไทยระดับ Hi- End เพิ่มขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์ อาทิ YouTube, Facebook, Line@ เป็นต้น นอกจากนี้ กำลังเตรียมแผนการขยายศูนย์ศัลยกรรมความงามแบบครบวงจร ขนาด 12 ชั้น เพื่อขึ้นเป็นศูนย์กลางศัลยกรรมแห่งเอเชีย (Surgical Hub of Asia) ภายใต้งบการลงทุน 3,000 ล้านบาท
"จุดแข็งด้านเทคนิคการผ่าตัดเฉพาะทางของโรงพยาบาล ที่มีการคิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมมากว่า 30 ปี ทำให้แผลเล็ก เจ็บน้อย หายเร็ว และดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของคนไข้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ การทำศัลยกรรมในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดสามารถเลือกทำได้ในส่วนที่มีปัญหาอย่างแท้จริง โดยแพทย์จะทำการวิเคราะห์อย่างลงลึก ก่อนจะทำการผ่าตัด ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ดีจะช่วยแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ทำให้คนไข้เกิดการบอกต่อประสบการณ์ของตนเองอย่างจริงใจ" นพ.ธนัญชัย กล่าว