AECS ส่อหุ้นเด่น แนะดักทางหุ้นขานรับนโยบายรัฐ ชู BJC- SEAFCO- DCC- ROBINS – ASK น่าเก็บเข้าพอร์ต

พุธ ๓๑ กรกฎาคม ๒๐๑๙ ๑๑:๓๙
บล.เออีซี มองดัชนีตลาดหุ้นไทย ในสัปดาห์นี้ ผันผวนในกรอบ 1,690-1,730 จุด ชี้ ดักทางหุ้น BJC- SEAFCO- DCC- ROBINS – ASK เหตุรับอานิสงค์ การกระตุ้นนโยบายเศรษฐกิจภาครัฐบาล พร้อมแนะควรจับตา ภาพรวมการลงทุนในต่างประเทศ ที่จะเข้ามาเป็นตัวแปรหลักต่อตลาดหุ้นไทย

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS ประเมินตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ว่า ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทย ยังคงผันผวน ในกรอบ 1,690 -1,730 จุด โดยให้น้ำหนักการลงทุน ในหุ้น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และยังมี Upside ที่น่าสนใจ อาทิ หุ้นBJC( ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขา และสาขาที่กัมพูชา 1 สาขาBigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา ) หุ้น SEAFCO (ช่วง 2Q62 คาดโต 5.4% YoY ด้วยงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อน ดังนั้นจึงปรับเพิ่มประมาณการหลังได้รับงานใหม่ มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท)

นอกจากนี้ ยังแนะลงทุนใน หุ้นDCC (คาดปี 62 โต YoY หนุนด้วยกำลังผลิต และต้นทุนกระเบื้องดีขึ้นจาก Economy of scale หลังเข้าบริหารและถือหุ้น RCI อีกทั้งตั้งเป้าขยายสาขาปีนี้เพิ่มอีก 5 สาขา พร้อมปรับ Business Model แบ่งพื้นที่สาขาให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อเพิ่มช่องทางรับรู้รายได้ นอกจากนี้ DCC ยังมีการซื้อขายที่ PER15.2X ซึ่งถูกกว่า GLOBAL และ HMPRO) และ หุ้น ROBINS (แม้ช่วง 2Q62 คาดกำไรหดทั้ง QoQ และ YoY หลังเผชิญ SSSG ที่คาดติดลบราว 0.5-1% แต่คาดราคาหุ้นปรับลงมา เพื่อสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้ว และคาดกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะยังโต ขณะที่ 4Q62 เป็นช่วง High Season และมีการ เปิดสาขาที่ปิดปรับปรุงไป 3 สาขา )

ขณะเดียวกัน ฝ่ายวิจัย ยังแนะลงทุนในกลุ่ม Defensive Stock ซึ่งถือเป็นหุ้นที่ปลอดภัย ในช่วงท่ามกลาง ความผันผวนของตลาดหุ้นในปัจจุบัน ทำให้ทางบล.เลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี โดยแนะนำ หุ้น ASK (คาดผลดำเนินงานมีโตต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วง 2Q62 หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ ซึ่งจะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ตามมาตรการของ ขสมก.)

และหุ้น LH (คาดได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว 2-3 เท่า บวกกับมีกำไรจากการลงทุนใน HMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง หนุนคาดผลการดำเนินทั้งปีโต YoY และคาดมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานช่วง 1H62 คิดเป็น 3.2-3.6% ต่อปี)

พร้อมกันนี้ ฝ่ายวิจัย ยังแนะให้นักลงทุนจับตาทิศทางต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ผลจากการประชุม Fed ที่มีคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในการประชุมครั้งนี้ที่ Implied Prob. 79% และคาดหวังปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในประชุมครั้งนี้ที่ Implied Prob. 21% รวมถึงรอการแถลงทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากนายเจอโรม พาวเวล ประธาน Fed

ขณะเดียวกัน ยังคงต้องจับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ อย่างดัชนี PCE อัตราการว่างงาน และ PMI ภาคการผลิตโดย อาจส่งผลต่อความเห็นของ FOMC ในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่ธนาคารกลาง อาทิ BoJ รวมถึง ธปท. คาดคงดอกเบี้ยนโยบายเดิม

" ตลาดหุ้นไทยยังมีสัญญาณลบจากการที่ต่างชาติกลับมาขายสุทธิสูงกว่า 4,346 ลบ. (ขายสุทธิรายวันสูงสุดในรอบ 9 เดือน) หลังการแถลงนโยบายของภาครัฐฯ ยังไม่มีสัญญาณเชิงบวกตามที่ตลาดคาด กอปรกับ 10Yr- Thai Bond Yield ปรับลงสู่1.904% ต่ำกว่า 10Yr US Bond Yield ที่ 2.065% และปัจจุบันซื้อขายด้วย PER ที่สูงราว 18.5x ทำให้ตลาดไทยมีความน่าสนใจลดลง " ฝ่ายวิจัย ให้ข้อมูลทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ