นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยในระหว่างร่วมรายการ "LIVE with Guru เจาะลึกกับผู้รู้เรื่องการลงทุน" ในเพจเฟซบุ๊ก TISCO Mastery ว่า ภายในสัปดาห์หน้า (5 -11 ส.ค.62) สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) จะเข้าไปนำเสนอข้อมูลให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้พิจารณาในประเด็นของกองทุนรูปแบบใหม่ ที่จะเข้ามาทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งจะหมดอายุภายในปี 2562 โดยรูปแบบของกองทุนใหม่จะให้สิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีแก่ผู้ที่มีรายได้ปานกลางและผู้ที่มีรายได้น้อยมากขึ้น
ทั้งนี้กองทุนรูปแบบใหม่จะมีลักษณะเด่น 2 ข้อ ได้แก่ ข้อแรกสามารถเพิ่มวงเงินการลงทุนสูงสุดได้ 30% ของรายได้พึงประเมิน และยอดรวมไม่เกิน 250,000 บาท จากเดิมที่เคยกำหนดให้สามารถลงทุนได้สูงสุดที่ 15% ของรายได้พึงประเมิน และยอดรวมไม่เกิน 500,000 บาท เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และข้อสองเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนประเภทของหลักทรัพย์ที่กองทุนรวมจะลงทุนได้ ด้วยการกำหนดสัดส่วนการลงทุน 65% ให้ลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Infrastructure Fund) กลุ่มหุ้นยั่งยืนที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) รวมถึงหุ้นเอสเอ็มอี ด้วย
นายไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วัตถุประสงค์ของการตั้งกองทุน LTF คือต้องการให้คนไทยตื่นตัวเรื่องการลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น และต้องการกระตุ้นให้เกิดการออมในระยะยาว โดยระยะเวลาที่ผู้ลงทุนมีข้อกำหนดต้องถือครองอย่างน้อย 7 ปีปฏิทินนั้น จึงถือว่ายังมีความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในหลายด้าน หากพิจารณาข้อมูลในแง่ของขนาดกองทุน ณ ปัจจุบัน กองทุน LTF มีขนาดกองทุนสูงถึง 3 แสนกว่าล้านบาท ขณะที่อัตราผลตอบแทนหากลงทุนตั้งแต่ยุคแรกๆ และไม่มีการขายออกเลยจะให้ผลตอบแทนสูงถึงหลายเท่าตัว และที่สำคัญสามารถสร้างวัฒนธรรมการออมระยะยาวให้คนไทยได้ และยังช่วยตอบโจทย์ประเทศทั้งในแง่ของการลดความเหลื่อมล้ำลง
"เสียงตอบรับจากกระทรวงการคลังในเบื้องต้นมีแนวโน้มที่ดี โดยในสัปดาห์หน้าสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะเข้าไปอธิบายประโยชน์ต่างๆ ให้รัฐมนตรีคลังได้เห็น และส่วนตัวเชื่อว่าการลงทุนผ่านกองทุนในรูปแบบใหม่นี้จะช่วยให้คนไทยเข้าถึงการลงทุนในหุ้นมากขึ้น การลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนที่ดีหากลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเงินออม-เงินลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากได้รับผลตอบแทนที่ดีก็จะทำให้สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในวัยเกษียณได้" นายไพบูลย์กล่าว