ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีประชาชนเล่นหวยจำนวนทั้งสิ้น 25,436,465 คน (ยี่สิบห้าล้าน สี่แสนสามหมื่นหกพันสี่ร้อยหกสิบห้าคน) โดยมีค่าเฉลี่ยความบ่อยในการเล่นหวยที่ผ่านมาของประชาชนอยู่ที่ 9.67 ครั้ง และที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ พบค่าเฉลี่ยความบ่อยในการถูกรางวัลที่ผ่านมาของประชาชนอยู่ที่เพียง 0.0033 ครั้งเท่านั้น
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ค่าเฉลี่ยความบ่อยของประชาชนที่ถูกรางวัลเพียง 0.0033 ครั้งนี้ในทางสถิติหมายถึงว่าไม่มีโอกาสจะถูกได้เลย แต่ที่มีการสร้างกระแสปลุกปั่นความแม่นถูกหวยของคนจากคนเล่นหวยหลายล้านคน เมื่อคนหลายล้านคนเล่นหวยพอมีคนแค่หยิบมือหนึ่งถูกก็จะกลายเป็นกระแสปั่นให้คนอื่น ๆ มัวเมาลุ่มหลงและเล่นหวยกัน ผลที่ตามมาคือ เอาเงินของคนผิดหวังหลายล้านคน ไปจ่ายให้คนที่ถูกเพียงไม่กี่คน เงินเล่นหวยที่เหลือจะอยู่ที่เจ้ามือหรือคนออกหวย ผลคือ รวยกระจุก จนกระจาย ซึ่งเรื่องนี้ ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่เป็นคนดีมีศีลธรรมประจำใจน่าจะคิดเองได้ไม่ยากนัก
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.8 ระบุหวยรูปแบบใหม่ เช่น นักษัตร เป็นการมอมเมาประชาชน ในขณะที่ ร้อยละ 27.2 ระบุไม่เป็น นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.0 ระบุไม่เห็นด้วยต่อการออกหวยรูปแบบใหม่ เช่น หวยนักษัตร เพราะ เพราะทำให้คนบ้าหวย เป็นหนี้มากขึ้น คนจนจนมากขึ้น ลุ่มหลงมัวเมา ไม่ยอมทำมาหากิน รอวันหวยออก ก่ออาชญากรรม คนถดถอยห่างไกลศีลธรรม สังคมเสื่อม เป็นต้น ในขณะที่ ร้อยละ 25.0 เห็นด้วย เพราะรัฐจัดเก็บรายได้ได้มากขึ้น คนได้สนุก ตื่นเต้นลุ้นวันหวยออก เป็นต้น
"ผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังเป็นคนดีมีจิตใจที่ใฝ่ศีลธรรมในพระศาสนาฯ แต่น่าเป็นห่วงตรงที่ว่าคนที่ยอมผ่อนไม่เดินตามหลักศีลธรรมกำลังมีจำนวนมากขึ้น ถ้าหากรัฐบาล ผู้ใหญ่ของบ้านเมือง นักวิชาการ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองกำลังเห็นชอบให้เกิดสิ่งมัวเมาเพิ่มขึ้นในสังคมไทย ผลกระทบทางสังคมที่ตามมาในอนาคตต่อความยากจนของประชาชนและสถาบันหลักของชาติ ใครจะออกมารับผิดชอบ" ผศ.ดร.นพดล กล่าว