(นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เป็นประธาน และได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ 19 แห่ง รวมถึงผู้บริหารบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง ที่มีวงเงินลงทุนขนาดใหญ่เพื่อรับนโยบาย
ในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และจัดทำการลงทุนใหม่ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2562 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย
นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการสคร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมของรัฐวิสาหกิจ ปี 2562 มีผลการเบิกจ่ายในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค. 61- มิ.ย. 62) จำนวน 129,815 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 87 ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมโดยเป็นผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม
ของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณจำนวน 71,525 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจปีปฏิทินจำนวน 58,290 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจที่ สคร. กำกับดูแล 45 แห่ง ที่มีงบลงทุนขนาดใหญ่และสามารถเบิกจ่ายได้เกินกว่าแผนหลายโครงการเฉพาะการลงทุนพัฒนารถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม - มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต
และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และการลงทุนพัฒนาสาธารณูปโภค เช่น งานก่อสร้างปรับปรุงขยายของการประปาส่วนภูมิภาค โครงการโรงไฟฟ้าบางปะกงของ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง
ทั้งนี้ มีโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ตามแผน เช่น โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย – จีน ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา) และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม – ชุมพรของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และโครงการทางพิเศษสายพระราม3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ซึ่งถึงแม้ว่าปัจจุบันโครงการเหล่านี้จะสามารถแก้ไขปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง การก่อสร้าง และเริ่มมีการตรวจรับงานและทยอยเบิกจ่ายได้แล้ว แต่เนื่องจากปัญหาความล่าช้าในช่วงแรกส่งผลให้การดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายของโครงการในภาพรวมยังล่าช้ากว่าแผน
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวสรุปผลการประชุมว่า รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ได้มอบนโยบายให้รัฐวิสาหกิจและบริษัทในเครือผลักดันให้เกิดการเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 2 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ เช่น ให้เร่งรัดตรวจรับงวดงานให้เร็วขึ้นและเร่งรัดงวดงานที่ทำได้ทันทีให้ดำเนินการเร็วขึ้นรวมทั้ง ให้รัฐวิสาหกิจเร่งจัดทำโครงการลงทุนเพิ่ม
โดยสำหรับรัฐวิสาหกิจปีปฏิทินให้พิจารณาเสนอโครงการลงทุนที่มีความพร้อมและมาดำเนินการในปี 2562 และสำหรับรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณพิจารณาปรับเพิ่มกรอบงบลงทุนปี 2563โดยให้เน้นการลงทุนในช่วง
ไตรมาสที่ 4 ปี 2562 (ต.ค. 2562– ธ.ค. 2562) ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ สคร. จัดทำระบบการติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เข้มข้นมากขึ้น และให้มีการประสานงานระหว่างกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาให้ใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งหากติดขัดให้รายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทันที