ASIAN เดินหน้าตามแผนลุยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในจีน เผยต้นทุนปรับโครงสร้างกิจการ-เงินบาทแข็งค่าฉุดกำไรไตรมาส 2 ลดลง

พฤหัส ๐๘ สิงหาคม ๒๐๑๙ ๑๔:๒๘
ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด หรือ ASIAN ยังคงเดินหน้าตามแผนลุยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในจีน ล่าสุดเข้าซื้อหุ้นสามัญบริษัท Shangdong Thaiya Meisi Pet foods Co.,Ltd. ในประเทศจีนแล้ว 10% เตรียมซื้อเพิ่มอีก 41% คาดดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2562 นี้ หลังได้หุ้น 51% ตามแผน จะเร่งขยายผลิตภัณฑ์ทั้งที่เป็นแบรนด์ "มองชู" และ OEM ขณะที่ธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง ยังอยู่ในช่วงปรับตัวตามแผนกลยุทธ์สู่ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่า (Value-Added) อย่างเต็มรูปแบบ เผยกำไรไตรมาส 2 ปีนี้ลดลง เหตุค่าเงินบาทแข็งค่าฉุดผลประกอบการ ต้นทุนในการปรับโครงสร้างกิจการและสัดส่วนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงลดลง

นาย เฮ็นริคคัส แวน เวสเทนดร็อป ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน กลุ่มบริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 2/2562 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,971 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 2,316 ล้านบาท หรือลดลง 14.9% สาเหตุหลักมาจากยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงลดลง 24% และการลดการขายผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้ยอดขายอาหารทะเลแช่เยือกแข็งลดลง 13% และจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 3% ขณะที่ยอดขายกลุ่มธุรกิจจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาชดเชยได้เล็กน้อย

สำหรับกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวดไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 76 ล้านบาท ลดลง 17.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการที่กำไรสุทธิสำหรับงวดลดลงมาอยู่ที่ 22 ล้านบาท เทียบกับ 92 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 8.2% เทียบกับที่ระดับ 11.8% ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากต้นทุนในการปรับโครงสร้างกิจการและการมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงลดลง โดยที่สัดส่วนรายได้ในไตรมาสนี้มาจากธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง 37% และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 29% ของรายได้รวมตามลำดับ ทั้งนี้ ASIAN มองธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง จะเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนมากที่สุดภายในปีหน้า เนื่องจากตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มเติบโตสูง และแผนการลงทุนเพิ่มและการขยายตลาดไปยังประเทศจีนในปัจจุบันเป็นไปตามแผน ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ มองชู ซึ่งเป็นแบรนด์ของตนเองก็วางตลาดแล้วทั้งในไทย และในจีน และได้รับการตอบรับจากตลาดทั้ง 2 ที่เป็นอย่างดี

ธุรกิจอาการสัตว์เลี้ยงและปลาป่น ปริมาณขายลดลงราว 7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากยอดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศแถบทวีปอเมริกาเหนือลดลงชั่วคราว โดยลูกค้ารายใหญ่ดำเนินนโยบายลดปริมาณสินค้าคงคลัง ทำให้ลดปริมาณคำสั่งซื้อลงตลอดทั้งไตรมาส อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้ ปริมาณส่งออกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากการที่ยอดส่งออกไปยังทวีปอเมริกาเหนือจะกลับมาอยู่ในสถานการณ์ปกติ ขณะที่ค่าเงินบาทที่คาดว่าจะแข็งค่าต่อเนื่องในไตรมาส 3 อาจส่งผลกระทบต่อรายได้และอัตรากำไร เนื่องจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงกำหนดราคาในสัญญาที่ค่อนข้างนานราว 6 เดือน หากสถานการณ์ค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง ในไตรมาส 3 บริษัทฯ ก็จะปรับขึ้นราคาสินค้ามาชดเชย

ในส่วนของการลงทุนซื้อหุ้น 51% ของบริษัท Shangdong Thaiya Meisi Pet foods Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดในประเทศจีนนั้น ขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการซื้อหุ้นรอบแรกจำนวน 10% เรียบร้อยแล้วในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ล่าสุด บริษัทฯอยู่ระหว่างการดำเนินการซื้อหุ้นสามัญของบริษัท Shangdong Thaiya Meisi Pet foods Co.,Ltd. เพิ่มอีกร้อยละ 41 คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2562 นี้

โดยบริษัท Shangdong Thaiya Meisi Pet foods Co.,Ltd. เป็นโรงงานใหม่ ที่มีกำลังการผลิตอาหารสุนัขและแมว แบบเม็ดรวมกันราว 20,000 ตันต่อปี ซึ่งผลิตให้กับเจ้าของแบรนด์ในประเทศจีน โดยในไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัท เอเชี่ยนอะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จะเข้าไปปรับปรุงคุณภาพภายในโรงงาน และจะทำการลงทุนในเครื่องจักรอุปกรณ์และสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติม ในไตรมาส 4 คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตให้กับแบรนด์สัญชาติอื่นที่ต้องการขยายผลิตภัณฑ์เข้ามาในตลาดประเทศจีนได้

ธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง ยอดขายเชิงปริมาณในไตรมาส 2 นี้ ลดลง 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกุ้งและปลาทรายที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากนโยบายในการลดผลิตกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และมุ่งสู่ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่า (Value-Added)

ธุรกิจทูน่า มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 11% ของรายได้รวม ปริมาณขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ยอดขายเป็นบาทลดลงราว 5% เป็นผลมาจากอัตราแลกเปลี่ยนและราคาทูน่าที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ฐานลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์มีคุณภาพเฉพาะดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มทูน่าบรรจุถุงเพาซ์ มีอัตรากำไรอยู่ในเกณฑ์ดี และไม่มีการเก็งกำไรในทูน่าอีก แต่เน้นขายและซื้อในปริมาณและราคาสอดรับกัน คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังปริมาณขายผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จะเพิ่มสูงขึ้น

ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 14% ของรายได้รวม ยอดขายลดลง 2% และธุรกิจจัดจำหน่าย มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 9% ของรายได้รวม โดยไตรมาส 2 นี้ถือว่าเป็นไตรมาสที่ดีในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ เพราะมียอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูงเพิ่มขึ้นมาก และการปรับปรุงคุณภาพได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่เป็นเกษตรกรมืออาชีพ ส่งผลให้มีแนวโน้มว่าจะสามารถขยายตลาดได้มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่า ASIAN จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จากการขยายตลาด และโฟกัสธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต มีความสามารถในการทำกำไร

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO