นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กล่าวถึงการจัด โครงการ CLMVT Plus Executive Program on New Economy ระหว่างวันที่ 3 – 7 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมาว่า ประสบความสำเร็จด้วยดี โดยจัดภายใต้แนวคิด ASEAN Branding และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยผู้เข้าร่วมโครงการทั้งภาคเอกชน และภาครัฐได้รับรู้ถึงความสำคัญในการสร้าง ASEAN Branding หมายถึงว่า การทำ Branding ที่ยกระดับสู่ภูมิภาคอาเซียน ที่มีฐานลูกค้าอยู่มากกว่า 600 ล้านคน ซึ่งสามารถนำไปใช้ตั้งแต่ระดับสตาร์ทอัพจนถึงธุรกิจเดิม และ Branding เป็นการสร้างศักยภาพการแข่งขัน โดยต้องคำนึงถึงความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ต้องมองถึงผู้เกี่ยวข้อง หรือห่วงโซ่อุปทานทั้งระบบ เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้ตามความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงจุด
นอกจากนี้ ยังต้องตระหนักถึงเรื่องการนำเทคโนโลยีที่มีอยู่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI โซเชียลต่าง ๆ นำมาวิเคราะห์ภายในองค์กร ก่อนจะเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะกับธุรกิจของตนเอง และต้องมี Digital Mindset ซึ่งเป็นการทำธุรกิจแตกต่างจากการทำธุรกิจแบบเดิม คือ การเรียนรู้จากธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่มีการเรียนรู้ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ บริษัทขนาดใหญ่ ต้องมีการปรับตัวให้เร็วเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ รวมถึงการนำ OKR หรือ Objectives & Key Results มาใช้ขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย โดยการมองผลที่ต้องการ แล้วสะท้อนมาที่กิจกรรมที่ทำอยู่ก็เป็นสิ่งสำคัญ ประเด็นสุดท้ายเรื่อง Design Thinking ซึ่งเป็น กระบวนการคิดที่ใช้การทำความเข้าใจในปัญหาต่างๆ อย่างลึกซึ้ง โดยใช้ประสบการณ์ควบคู่กับข้อมูล จะสามารถตอบโจทย์ ความต้องการของประชาชน หรือลูกค้า ให้กับภาครัฐและเอกชนได้ตรงจุด ซึ่งครั้งนี้ มีธุรกิจดิสตริบิวเตอร์จากประเทศกัมพูชา 2 รายจะนำไปใช้ ถือได้ว่าโครงการฯนี้ประสบความสำเร็จ
นายนันทพงษ์ เปิดเผยอีกว่า สำหรับการจัดโครงการ CLMVT Executive Program on New Economy ครั้งต่อไปในปีหน้า จะมีการพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ร่วมงานสามารถเชื่อมโยงธุรกิจกันได้มากขึ้น หลังจากปีนี้มีการเชิญนักธุรกิจมาแต่ยังไม่สามารถต่อยอดการทำธุรกิจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในกลุ่มธุรกิจประเภทเดียวกัน นอกจากนี้ เรามีแนวคิดที่จะเรียนเชิญผู้แทนจากประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ค้ารายใหญ่และเป็นตลาดใหญ่ เข้าร่วมโครงการนี้ในอนาคต ซึ่งอาจจะมาเป็น COACH ที่ดี และก่อให้เกิดสายสัมพันธ์แบบเพื่อน หรือ Friendship ที่ดี ซึ่งกลุ่มสังคมตะวันออก จะมีความเข้าใจระหว่างกันอย่างลึกซึ้ง และน่าจะสอดคล้องกับการทำตลาดในเอเซียนต่อไปในอนาคต รวมถึงยังมีแผนที่จะดึงกลุ่มผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ ทุกรุ่นใน โครงการฯ ให้มาสร้างเครือข่ายรวมกัน ด้วย
"จากการจัดโครงการฯให้กับกลุ่มประเทศอาเซียนครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากผู้เข้าร่วมโครงการฯ ว่า เราเป็นผู้นำในการให้ความรู้แก่กลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งนับเป็นสัญญานที่ดี ทำให้เรามองเห็นภาพที่จะนำไปสู่การพัฒนาหลักสูตรการอบรมให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในมุมมองใหม่ ต้องตอบโจทย์ทั้งการพัฒนาคน การค้า หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ" นายนันทพงษ์ กล่าว
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สายด่วน 1169 หรือเว็บไซต์ nea.ditp.go.th และ facebook.com/nea.ditp